รีวิว ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ

 

The Wandering Earth หนังบน Netflix โปรเจ็กต์อลังการงานสร้างของจีน ที่มีบริษัทหนังของแจ๊คหม่า Alibaba Picture ร่วมทุนด้วย หนังสร้างจากนิยายได้รางวัล Hugo ระดับนานาชาติ จากผู้เขียน Liu Cixin ซึ่งการันตีได้เลยว่า หนังแอ็กชั่นไซไฟเรื่องนี้เขียนบทอิงกับฟิสิกส์ความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ และยังเป็นเรื่องไม่ไกลเกินยุคในปัจจุบันอีกด้วย

เมื่อดวงอาทิตย์กำลังขยายขนาดและกลืนกินระบบสุริยะของเรา มนุษย์จำเป็นต้องรีบเร่งหาระบบใหม่แทนระบบสุริยะโดยการติดเครื่องยนต์ให้กับโลกและผลักดันให้โลกเราหนีออกจากระบบสุริยะไปยังระบบ Alpha Centuari ก่อนที่จะสายเกินไป โดยที่จำเป็นจะต้องใช้แรงส่งจากแรงดึงดูดของดาวพฤหัสอีกที แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ทำให้ทีมกอบกู้โลกต้องทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยให้โลกรอดพ้นจากการพุ่งชนดาวพฤหัส

The Wandering Earth ทำให้เราได้เห็นถึงศักยภาพของวงการภาพยนตร์จีน ที่จะกลายมาเป็นแหล่งผลิตหนังคุณภาพให้เราได้ดูกันจากนี้เป็นต้นไป ถึงแม้ว่าเราอาจจะยังไม่ได้เห็นหนังเทียบชั้น The Avenger หรือ Avatar ในเร็ววันนี้ แต่นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดี เราจะได้เห็นการแข็งขันที่ดุเดือดขึ้น นั่นหมายถึงคอนเทนต์หรือการนำเสนอที่จะดีขึ้นเมื่อไม่มีการผูกขาดอีกแล้ว

และด้วยยุคนี้ที่เรามี Netflix ทำให้คนดูทั่วโลกสามารถเข้าถึงหนังหรือภาพยนตร์ชุดคุณภาพจากหลายประเทศทั่วทุกมุมโลกได้ง่ายขึ้นเยอะ มันคือยุคทองสำหรับคอหนังและซีรีส์ เราเข้าถึงของคุณภาพในราคาที่ไม่แพงนัก และผู้ผลิตสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้ง่ายกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป เพราะพวกเขามีโรงหนังขนาดย่อมอยู่ในกระเป๋ายังไงล่ะ

 

รีวิว ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ พล็อตเรื่อง

 

 

หนังเริ่มมาเปิดตัวด้วยการเล่าถึงหายนะที่ค่อยๆ คืบคลานมาจากการที่ดวงอาทิตย์เสื่อมสภาพ แม้ว่ามนุษย์ชาติจะเห็นสัญญาณเตือนมาเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ตะหนักพอเหมือนโลกร้อน ก็กลายเป็นว่าหายนะนั้นมาไวกว่าที่คิด ทำให้ทั้งโลกต้องร่วมมือกันตั้งรัฐบาลโลก และผลักดันโปรเจ็กต์ช่วยมวลมนุษย์ชาติที่ชื่อ The Wandering Earth

(ดาวโลกเร่ร่อน) เป็นการติดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนให้โลกเดินทางหลุดพ้นระบบโซล่าซิสเต็มนี้ แล้วไปเริ่มต้นที่ใหม่ไกลออกไป แต่การจะออกจากระบบสุริยะได้ ต้องอาศัยแรงส่งจากดาวพฤหัสด้วยถึงหลุดพ้นได้ ทำให้โลกต้องมุ่งหน้าไปที่ดาวพฤหัส ก่อนจะเกิดเหตุไม่คาดคิดนอกแผนตามมา รีวิวหนัง

 

 

นอกจากโครงเรื่องไซไฟหลักแล้ว หนังก็มาเน้นที่ความสัมพันธ์ของครอบครัวพ่อลูกที่เป็นตัวเอก ที่คนพ่อต้องทิ้งลูกมาปฏิบัติภารกิจอยู่บนสถานีอวกาศยาวนานเกือบ 20 ปี ทิ้งให้ลูกชายดำเนินชีวิตในโลกใต้ดิน ที่เป็นเมืองหลบภัยของมนุษย์ชาติจนกว่าจะถึงจุดหมาย  ตัวเอกลูกชายที่อยู่ใต้โลกมาแทบทั้งชีวิต  ก็หาทางขึ้นไปบนพื้นโลกพร้อมกับน้องสาวที่ติดตามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งด้านบนก็เป็นโลกที่หนาวเหน็บสุดขั้วระดับติดลบ 80 องศาเซลเซียส หนังจะตัดสลับเรื่องราวบนสถานีอวกาศของพ่อ

กับเรื่องราวหายนะบนโลก หนังมีฉากแอ็กชั่นสูตรสำเร็จ ตึกถล่ม ฉากรถซิ่งหนีแผ่นดินถล่ม แม้จะไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เราเคยเห็นจากหนังฮอลลีวู๊ด แต่ก็ไม่ได้ดูซ้ำซากหรือน่าเบื่อแต่อย่างใด ดูหนังฟรี

 

รีวิว ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ

ถ้าใครเคยดูพวกหนังแนวภัยหายนะกู้โลกจากฮอลลีวู๊ด ก็แน่นอนว่าเรื่องจะเดินไปตามแนวชาตินิยมอเมริกาซะเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่าถ้าไม่มีกองทัพอเมริกา หรือประธานาธิปดีอเมริกาขึ้นมาปลุกพลังความหวัง โลกนี้ซี้แหงแก๋แน่นอน ก่อนดูผมก็คิดว่าหนังเรื่องนี้ทำรายได้ถล่มทลายติดอันดับสูงสุดในจีน (รายได้รวมตอนนี้ 700 ล้านเหรียญ)

 

ก็คงเป็นหนังหายนะที่อวยจีนแหงๆ คนจีนเลยแห่ไปดู แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่อย่างที่คิด หนังไม่ได้ทำออกมาชาตินิยมอวยจีนให้ดูแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนแต่อย่างใดแถมเดินเรื่องด้วยแนวคิด ความเป็นอยู่ ผสมวัฒนธรรมจีนที่มีในเอเชียได้อย่างกลมกล่อม อย่างการกลับบ้านช่วงตรุษจีน พลุปีใหม่ หรือแม้แต่ของกินผสมทุเรียนก็มี

รีวิวหนังออนไลน์

 

โลเคชั่นในเรื่องหลักก็ไปที่อื่นนอกจากจีน มีความเป็นสากลในเรื่องราว และเติมบทบาทของจีนลงไปได้อย่างพอดี  อย่างบนสถานีอวกาศก็มีบทของตัวละครรัสเซียเป็นเพื่อนซี้กับพ่อพระเอก แต่ในมุมกลับ หนังก็ดูจะตั้งใจละทิ้งบทของชาติอเมริกาไปจนเกินพอดีเหมือนกัน เหลือแค่รูปธงในสนธิสัญญา และบทตัวประกอบโผล่มาไม่กี่วิเท่านั้น

รีวิว ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ

 

หนังอิงมาจากทฤษฎีหลายอย่างจริง แม้จะดูโอเว่อร์ๆ ในเรื่องชุดขับเคลื่อนโลก แต่จุดอื่นๆ อย่าง เมื่อโลกหยุดหมุนจะเกิดอะไรขึ้น ความหนาวติดลบของโลก น้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนที่ ชุดพลังงานความร้อน ชุดพาวเวอร์อาร์ม พวกนี้ถือว่าหนังทำการบ้านมาได้ดี ที่ผมชอบที่สุดคือหนังไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า โปรเจ็กต์การเดินทางเร่ร่อนนี้

 

จะสำเร็จได้ 100% หนังทำให้เห็นว่านี่เป็นความหวังที่ต้องส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นไปเรื่อยๆ ถ้าไม่หมดหวัง สักวันสิ่งนี้ก็คงจะสำเร็จ ซึ่งหนังได้ถ่ายทอดความคิดนี้ไว้ในเรื่องราวหลักผ่านตัวละครได้อย่างสวยงามอีกด้วย รีวิวหนังจีน

 

นอกจากความเลวร้ายของหายนะที่เกิดจากธรรมชาติแล้ว ในเรื่องยังมีอีกส่วนที่เกิดจาก AI. ควบคุมในสถานีอวกาศ พ่อของพระเอกต้องต่อสู้กับ AI. ที่มีชื่อว่า “มอสส์” (Moss) ที่คุมโปรเจ็กต์ The Wandering Earth นี้ไว้อย่างเหนียวแน่นตรงไปตรงมา ไม่ยอมให้ใครแหกกฎมีความเสี่ยงนอกเหนือจากการคำนวณของมัน ซึ่งมอสส์ก็จะเริ่มจากแค่เตือน ขัดขวาง ปิดการสื่อสาร ไปจนถึงก่ออาชญากรรมกับมนุษย์ผู้สร้าง ซึ่งเราจะได้เห็นความน่ากลัวของ AI.ในแบบที่คาดไม่ถึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่มอสส์ทำก็ไม่ได้ผิด เพราะก็มาจากมนุษย์นี่เองแหละ ที่เลือกให้อำนาจสูงสุดกับ AI. นี่ไว้เอง (รัฐบาลโลกมอบอำนาจให้)

 

รีวิว ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ ความรู้สึกหลังดู

 

นักแสดงในเรื่องเล่นต่างเล่นได้สมบทบาทดี หนังวางตัวเอกมีปมขาดความอบอุ่นที่พ่อทิ้งไปทำภารกิจตั้งแต่เด็ก “พ่อขึ้นไปทำภารกิจบนฟ้า ลูกแค่เงยหน้าขึ้นมาก็ได้เจอพ่อแล้ว”ประโยคตั้งแต่เริ่มเรื่องที่ผูกพันทั้งคู่ไว้ไปจนถึงตอนท้ายของเรื่อง จุดนี้เชื่อว่าพอช่วงคลายปมมีเสียน้ำตากันบ้างล่ะครับ ซึ่งเรื่องนี้นอกจากจะเป็นหนังหายนะแล้ว

 

ยังเดินเรื่องด้วยดราม่าชั้นดี ที่เชื่อว่าทำเอาหลายคนซึ้งไม่มากก็น้อย หนังเฉลี่ยให้มีพาร์ทดราม่ากับหลายตัวละครได้อย่างกลมกล่อม ไม่เว้นแม้แต่ตัวบทสมทบหลายๆ ตัวก็มีฉากเด่นให้จดจำได้แทบทุกตัวละคร

รีวิว ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ

ต้องบอกว่าพี่จีนเล่นใหญ่ เว่อร์วัง เกินความเป็นจริงไปเยอะ ในแง่ความสนุกก็พอดูได้ เดาเนื้อหาคร่าวๆได้ แต่ที่ทำได้ดีคือเล่นดราม่าของตัวละคร นักแสดงสื่อสารดี

ตอนดูนี่คือต้องลืมความรู้ทางวิทย์ไปเยอะหน่อย หรือไม่ก็ไม่ต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะเยอะ เพราะเดี๋ยวไม่สนุก

 

นี่เป็นหนังโรงระดับบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ของจีน ที่เน็ตฟลิกซ์ทุ่มทุนดูดลงมาฉายในระบบ เป็นความบันเทิงที่เรียกว่าคุ้มค่าเกินราคามาก แต่ถ้าให้เหมาะสมที่สุดหนังเรื่องนี้เหมาะแก่การรับชมจอขนาดใหญ่ ระบบเสียงดีๆ ส่วนตัวรู้สึกเสียดายเหมือนกันที่อดรับชมในโรง แต่อีกมุมนี่ก็เป็นโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงง่ายกว่า และสามารถดูซ้ำเท่าไหร่ก็ได้ แม้พล็อตหายนะกู้โลกจะไม่ได้ใหม่ การเดินเรื่องทำภารกิจก็อาจจะปกติธรรมดาของหนังแนวนี้ แต่นี่ก็เป็นหนังที่แนะนำบอกต่อให้ดูได้เต็มปาก

เป็นหนังเอเชียเรื่องแรกที่เทียบชั้นหนังบล็อกบัสเตอร์จากฮอลลีวู๊ดได้สบายหายห่วงเลยครับ หนังจีนบู๊

 

เรื่องนี้เป็นหนังจากจีนแนวแบบวันสิ้นโลก ตัวชูโรงสุดในเรื่องที่พลาดไม่ได้ คือ วิชวลเอฟเฟกต์ ที่บอกเลยว่าจัดเต็มโคตร อลังการยิ่งใหญ่ ใส่มาเยอะแบบไม่ยั้ง ถึงมันจะไม่ได้เนียนสมจริงขั้นสุดยอด แต่ต้องยอมรับความละเอียดยิบเลยจริงๆ CG จีนถือว่าดีกว่าหนังบางประเทศแถวๆ นี้ละ ฉากกับของประกอบฉากก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ออกแบบมาดีเลย พวกมุกเนิร์ดๆที่ใส่เข้ามาก็ตลกกว่าที่คิดไว้ ส่วนเนื้อเรื่องก็เป็นเรื่องธรรมดาของหนังแนวนี้ละ เนื้อเรื่องอาจจะไม่โดดเด่นเท่าไหร่ เพราะหนังเน้นโชว์ CG มากกว่า

 

หนังคุณภาพ พล็อตอลังการ เทียบชั้น Hollywood ถ้าไม่ดูถือว่าพลาดสำหรับคอหนังไซไฟ โปรดักชั่นระดับฮอลลีวูด พล็อตอลังการ และนักแสดงคุณภาพ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ทุนสร้างของ The Wandering Earth อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท แต่ทำรายได้ถึง 22,300 ล้านบาท เรียกได้ว่าคุ้มค่าลงทุนอย่างมาก และผลงานที่ออกมาก็ถือว่าไม่ธรรมดานะครับ แม้ว่ามันอาจจะยังสู้หนังไซไฟหลายๆเรื่องจาก Hollywood ไม่ได้ แต่มันคือการพัฒนาแบบก้าวกระโดด และเห็นได้ว่าจีนเริ่มพยายามแหกกฏเกณฑ์การทำหนังของตัวเองออกมาแล้ว แถมกล้าที่จะทำหนังนอกเหนือจากที่ถนัดและสุ่มเสี่ยงจะไม่ดังได้

 

เรายังคงมองว่าถ้าเป็นหนังไซไฟจะต้องเป็นหนังที่มาจาก Hollywood เท่านั้นถึงจะดี แต่เรื่องนี้จะเปลี่ยนมุมมองของเราไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้ครับ คอมพิวเตอร์กราฟฟิคและเทคนิคการถ่ายทำถือว่าดีมาก แม้ว่าบางจุดอาจจะยังดูไม่เนียนนัก ต้องบอกก่อนว่าแนวทางในการถ่ายทำ ทั้งมุมกล้อง เทคนิค ในหลายส่วนจะมีความแตกต่างจากสไตล์ของตะวันตกอยู่นะครับ CG ในบางฉากจะให้ความรู้สึกเหมือนเกมมากกว่าหนัง โดยรวมทำออกมาเทียบกับ Hollywood ได้สบายเลยครับ เป็นการพัฒนาจาก Animal World ไปอีกขั้นที่น่าสนใจ

 

พล็อตหนังต้องบอกว่าแปลกกว่าหนังไซไฟอื่นๆทีโลกต้องเจอกับภัยคุกคามจากดาวดวงอื่น เนื่องจากว่าถ้าเป็นเรื่องอื่นที่เคยดูมา มนุษย์มักจะพยายามหนีโดยการสร้างยานและหาโลกใหม่ เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ แต่ในเรื่องนี้ มนุษย์เลือกที่จะย้ายโลกทั้งใบไปอยู่ในระบบอื่นแทนระบบสุริยะ

 

มนุษย์จึงทำการสร้างเครื่องยนต์จำนวนมหาศาลบนผิวโลกเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนโลก ให้นึกภาพว่า โลกนี่แหละคือยานอวกาศที่จะใช้ในการหนีไปยังสถานที่ใหม่ และด้วยเหตุนี้มนุษย์จำเป็นต้องย้ายลงไปอยู่ปราการใต้ดิน เวอร์วังดีมั้ยล่ะครับ แต่หนังมีทฤษฎีรองรับไว้พอสมควรนะครับ ไม่ใช่ว่าคิดพล็อตขึ้นมาแบบสุดโต่งไปเลย

ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงมันอาจจะทำไม่ได้เลยก็ตาม แต่หนังมีการให้เหตุผลในหลายส่วนที่คุณอาจจะสงสัยไว้แล้ว

 

สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเลยก็คือแนวคิดของหนังที่มนุษยชาติโดยรวมคือผู้ที่จะช่วยกอบกู้โลกในครั้งนี้ ถ้าใครดูจะรู้ว่าหนังไม่ได้อวยจีนว่าเป็นมหาอำนาจ เก่งไปหมด แต่หนังนำเสนอการช่วยกันของทุกฝ่ายทุกประเทศ แต่ที่แน่ๆ อเมริกามีบทบาทน้อยมากในเรื่องนี้

บทนักแสดงโดยรวมผมถือว่าดีเลย แม้ว่าจะมีจุดให้หงุดหงิดอยู่บ้าง แต่หนังก็ไม่ได้โยนดราม่าครอบครัวให้เราต้องเครียดมากเกินไป ให้เราได้ดื่มด่ำกับหายนะที่มนุษย์กำลังจะเจอได้เต็มที่

ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ กลายเป็นหนังจีนที่ผมชอบและอยากแนะนำให้คนอื่นได้ดู ด้วยโปรดักชั่นที่ขึ้นแท่นไปแข่งกับ Hollywood ได้ รวมถึงการนำเสนอสิ่งใหม่ๆและไม่มีการแฝงแนวคิดอะไรเข้ามา ทั้งศาสนา ความเชื่อ เป็นหนังที่ทุกคนดูได้และสามารถสนุกไปกับมัน