รีวิว Duty After School สมรภูมิหลังเลิกเรียน: พล็อตเรื่องสุดล้ำ นักเรียน vs เอเลี่ยน

รีวิว Duty After School เป็นซีรีส์ที่ไม่เหมือนใคร เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดราม่า และประเด็นน่าสนใจ บทภาพยนตร์ที่เข้มข้น การกำกับที่ยอดเยี่ยม และนักแสดงมากฝีมือ จะมอบประสบการณ์การรับชมที่ยากจะลืมเลือน เรื่องราวของนักเรียนที่ต้องเผชิญกับมนุษย์ต่างดาวที่บุกเข้ามาในโลกของเรา ซีรีส์นี้มีผู้กำกับคนเดียวกับซีรีส์ Class of Lies คือ ซองยงอิล ซึ่งมีชื่อเสียงในการสร้างซีรีส์ที่มีเนื้อหาเข้มข้นและน่าตื่นเต้น ในซีรีส์นี้ เมื่อมนุษย์ต่างดาวปรากฏตัวทั่วทุกมุมโลก รัฐบาลเกาหลีตัดสินใจให้นักเรียนและนักศึกษาทั้งประเทศเข้าร่วมกองกำลังป้องกันโลก นักเรียนที่เคยมีเป้าหมายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการสอบเข้าเป็นทหาร และต้องเรียนรู้วิธีการต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวที่อาจเป็นศัตรูหรือพันธมิตรของเขา เรื่องราวจะสนุกจะมันส์แค่ไหน ไปติดตามพร้อม ๆ กันได้แล้วที่ ดูหนังใหม่ และ รีวิวหนังจีน คลิกเลยค้าบบ

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  • ชื่อเรื่อง: สมรภูมิหลังเลิกเรียน | Duty After School | 방과 후 전쟁활동
    ประเภท: แอ็คชั่น | ดราม่า | ไซไฟ | ระทึกขวัญ
  • กำกับโดย: ซองยงอิล (Class of Lies)
  • เขียนบทโดย: ฮาอิลควอน (ผู้แต่งเว็บตูน) ร่วมกับ อีนัมกยู (The Light in Your Eyes)
  • ออกอากาศทาง: TVing
  • จำนวนตอน: 10 ตอน ตอนละ 60 นาที

ตัวอย่าง: Duty After School สมรภูมิหลังเลิกเรียน

รีวิว Duty After School สมรภูมิหลังเลิกเรียน

รีวิว Duty After School: เรียนจบ ม.ปลาย ไปรบสัตว์ประหลาด: เมื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ได้วัดแค่ความรู้

Duty After School เป็นซีรีส์เกาหลีที่ดัดแปลงมาจากเว็บตูน ที่เล่าถึงเหตุการณ์ที่วัตถุประหลาดปรากฏขึ้นบนฟ้า พามาสัตว์ประหลาดที่บุกเข้ามาในโลกของเรา กองกำลังทหารเกาหลีไม่สามารถต้านทานได้ จึงต้องใช้นักเรียนชั้นมัธยมปลายเป็นกองทัพสำรอง รัฐบาลเกาหลีสั่งให้นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมการฝึกหลังเลิกเรียน เพื่อเตรียมตัวเป็นทหารที่จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาด นักเรียนที่เคยมีความฝันในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องเปลี่ยนแผนเป็นการสอบเข้าเป็นทหาร และต้องเรียนรู้วิธีการรอดตายจากสัตว์ประหลาดที่อาจเป็นเพื่อนหรือศัตรูของเขา

3 นักแสดงที่ผู้เขียนชื่นชอบ

  1. ชินฮยอนซู รับบทเป็น อีชอนโฮ ผู้นำหมวดที่เคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบของกองทัพ เขาเป็นคนที่มีความจงรักภักดีกับนักเรียนและให้ความสนใจเด็ก ๆ มากที่สุด
  2. ฮวังเซอิน รับบทเป็น พัคอึนยอง ครูผู้ดูแลชั้นของห้อง 2-3 ที่ใส่ใจความเป็นอยู่ของเด็กเป็นหน้าที่สำคัญ
  3. อีซุนวอน รับบทเป็น คิมวอนบิน นายทหารระดับนายเรือที่ซื่อสัตย์และมุ่งมั่นในการเป็นผู้ช่วยของ ชอนโฮ

รีวิว Duty After School สมรภูมิหลังเลิกเรียน

รีวิว Duty After School: เมื่ออนาคตถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย เด็กม.ปลายเกาหลีใต้ต้องเผชิญบททดสอบสุดโหด ระหว่างสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือ ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจากต่างดาว

เมื่อวัตถุลึกลับทรงกลมปรากฏอยู่บนท้องฟ้าที่มีเมฆปกคลุมทั่วโลก มันคงอยู่อย่างนั้นมานานถึง 1 ปี แบบที่ไม่มีใครสามารถทายหรือหาวิธีแก้ปัญหาได้ รัฐบาลเกาหลีใต้เลือกที่จะเก็บความลับและระดับความอันตรายของมันไว้ จนกระทั่งวันที่มันจะประกาศอำนาจก็มาถึง วันเดียวกันกับที่เหล่านักเรียน ม.6 กำลังจะสอบซูนึง (สอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วประเทศ) แต่กลับถูกบังคับให้ไปเข้าร่วมการฝึกทหารโดยทันทีอย่างไม่มีการแยกแยะเพศ ไม่มีการประเมินความสามารถ มีเพียงแต่ความหวังที่หากผ่านพ้นไปได้ ก็จะได้รับคะเแนนพิเศษในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แน่นอนว่าไม่มีเด็กในเกาหลีใต้คนไหนอยากทิ้งชีวิตตัวเองไปง่าย ๆ แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าสนามรบของจริงที่รออยู่ข้างหน้ามันทั้งโหดร้าย เจ็บปวด และมีสิทธิ์เสียชีวิตได้ เพราะเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการฝึกให้เด็กเหล่านี้ไปต่อสู้ไม่ใช่โจทย์คณิตศาสตร์อันยากเย็น แต่เป็นสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวจากต่างดาว

เอาใจแฟนซีรีส์มัธยมซอมบี้! เตรียมพบกับ Duty After School ซีรีส์แนวเซอร์ไวเวอร์สุดมันส์

ถ้าคุณชื่นชอบซีรีส์มัธยมซอมบี้ คุณคงไม่ควรพลาด Duty After School ที่เป็นเรื่องราวของนักเรียนมัธยมปลายที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากเอเลี่ยน ซีรีส์นี้เป็นแนวเซอร์ไววัล ที่ต้องเอาชีวิตรอด และต่อสู้กับเอเลี่ยน ที่อาจจะปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ นักเรียนชั้นมัธยมปลาย 6 จากโรงเรียนซองจิน ที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้รับการฝึกทหารอย่างเข้มข้น เพื่อให้พร้อมสำหรับการสู้กับเอเลี่ยน ซีรีส์นี้มีความน่าสนใจมาก เพราะเห็นการเปลี่ยนแปลงของนักเรียนที่ต้องเรียนรู้วิธีการรอดตัว และทำหน้าที่ของทหาร ในพาร์ทแรก นักเรียนห้องม.6/2 ได้รับการฝึกทหาร และต้องสู้กับเอเลี่ยน โดยมีชินฮยอนซู เป็นผู้นำหมวด และเป็นผู้บังคับบัญชาในการฝึก และสู้กับเอเลี่ยน เขาเป็นผู้หมวดที่มีความสามารถ และเป็นที่เชื่อมั่นของเพื่อนๆ เขาไม่เหมือนกับผู้นำหมวดอื่นๆ ที่หนีหายไป นอกจากนี้ นักเรียนห้องม.6/2 ที่เริ่มต้นไม่ค่อยเป็นมิตรกัน ก็เริ่มมีความผูกพัน และช่วยเหลือกันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

รีวิว Duty After School สมรภูมิหลังเลิกเรียน

เหตุผลที่คนดูส่วนใหญ่ชอบกลุ่มร้อยโทอีชุนโฮ

ถ้าหากถามว่าตัวละครไหนคือตัวละครที่ผมสนใจมากที่สุด ผมคงต้องขอยกให้ตัวละครสุดเท่อย่างหัวหน้ากลุ่มร้อยโทอีชุนโฮ ที่มีนักแสดงชื่อ ชินฮยอนซู เล่น น่ารักและอ่อนหวานมากๆ ส่วนเด็กๆ ในกลุ่ม บางคนก็เป็นคนตลก แต่ก็ยังมีความเป็นคน บางคนเป็นคนเอาแต่ใจ บางคนเป็นคนขี้กลัว มีความไม่มั่นใจ แต่ก็มีตัวละครบางคนที่เป็นคนฉลาด มีความกล้า ตัวละครที่ฉันชอบที่สุดคือ โจจางซู รองหัวหน้าห้อง ม.6/2 ที่มีนักแสดงชื่อยุนจงบิน เล่น เขาเป็นนักเรียนหนุ่มหล่อ ที่มาจากครอบครัวทหาร เขาเลยได้รับการสั่งสอนว่าต้องช่วยเหลือผู้อื่น ปกป้องผู้ที่อ่อนกว่า และแสดงความกล้าหาญ ดังนั้นตัวละครนี้เป็นคนที่ฉันนับถือมาก อีกตัวละครหนึ่งที่ฉันชอบเหมือนกันคือ คิมชียอล ที่มีนักแสดงชื่อ คิมกีแฮ เล่น เขาเป็นพ่อหนุ่มแว่นเนิร์ดที่น่ารักและเอื้อเฟื้อ ถึงแม้ว่าตัวละครจะเป็นคนเรียบร้อย แต่เมื่อถึงช่วงวิกฤต เขาก็พร้อมที่จะสู้ และสู้ได้ดีและเฉียบขาดมาก จริงๆแล้วมีตัวละครอีกหลายคนที่น่าสนใจ เช่น อีนารา ที่มีนักแสดงชื่อ ชเวมุนฮี เล่น เธอเป็นสาวสวยที่มาจากต่างชาติ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเธอเป็นสาวแข็งแกร่งและเก่งมาก โดยเฉพาะในการยิงปืน เธอยิงได้แม่นมาก การเคลื่อนไหวหลบหลีกของเธอก็ไม่ธรรมดา เธอเป็นกำลังสำคัญของกลุ่มเลยนั่นแหละ

บนเส้นทางสู่ฝัน เส้นบาง ๆ กั้นระหว่าง “ความสำเร็จ” กับ “ความล้มเหลว”

ซีรีส์นี้เล่าเรื่องราวของเด็ก ม. 6 ที่กำลังเผชิญกับการสอบซูนึง (สอบเข้ามหาวิทยาลัย) ที่เป็นการทดสอบที่ยากที่สุดในชีวิตของพวกเขา การทำผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้พวกเขาสูญเสียโอกาสในอนาคตที่ดีกว่า เพราะพวกเขาเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง ที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะสนับสนุนการศึกษาของลูกได้อย่างสมบูรณ์ มหาวิทยาลัยรัฐชั้นนำเป็นเป้าหมายเดียวที่พวกเขาต้องการ ซีรีส์นี้สร้างความเข้าใจให้กับผู้ชมว่าช่วงวัยนี้มีความท้าทายและความยุ่งยากอย่างไร ซีรีส์นี้แสดงให้เห็นถึงความเครียดและกดดันที่เด็กแต่ละคนต้องอดทน โดยใช้การตัดต่อที่สลับมุมมองของเด็กแต่ละคน และบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวของตัวละครหลัก ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพเต็มของบุคลิกภาพและสถานการณ์ของเด็กเหล่านี้ ที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อ คะแนนพิเศษ ที่จะเป็นตั๋วใบเดียวที่จะพาพวกเขาไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น ซีรีส์นี้สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการศึกษาในเกาหลีใต้ที่มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น และเปรียบเสมือนสมรภูมิรบที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยง ถ้าพวกเขาแพ้ พวกเขาอาจต้องเสียทุกอย่างที่เคยฝันไว้ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในอนาคต การได้รับการยอมรับจากสังคม หรือแม้กระทั่งชีวิตของพวกเขาเอง ซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักของเรื่องราวที่ต้องการสื่อสารถึงผู้ชมว่าสมรภูมิซูนึงไม่ต่างจากสมรภูมิรบที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง

รีวิว Duty After School สมรภูมิหลังเลิกเรียน

รีวิว Duty After School: เมื่อ “คะแนนพิเศษ” กลายเป็น “ใบเบิกทางสู่ความตาย” ซีรีส์กระตุ้นให้ตั้งคำถามกับระบบการศึกษาที่บิดเบี้ยว

ซีรีส์นี้ไม่ได้บอกอย่างชัดเจน แต่ก็แสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของปัญหาที่เกิดจากความกดดันที่สูงเกินไปที่เด็กหลายคนต้องรับมือกับความคาดหวังของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นผู้สำเร็จ (ที่ตัวเองไม่สามารถทำได้) และบังคับให้ลูกตามความฝันของพวกเขา ในขณะที่เด็กบางคนยังไม่รู้เลยว่าเขาเข้าร่วมโครงการพิเศษนี้เพื่ออะไร หรือเขามีความฝันอะไรในใจ และความฝันนั้นเป็นของเขาหรือของใคร แล้วเมื่อเรื่องราวเปิดเผยว่าเด็กเหล่านี้จะถูกส่งไปฝึกทหารและสู้กับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อันตรายมาก การที่เราไม่เห็นความตกใจ หวาดเสียว หรือต่อต้านอย่างจริงใจจากตัวละคร และยังยินยอมไปตามสถานการณ์นี้อย่างง่ายดาย อาจทำให้เราสงสัยว่านี่เป็นข้อบกพร่องของเนื้อเรื่อง หรือเป็นวิธีการสื่อถึงประเด็นของผู้กำกับว่าเด็กทุกคนต้องอดทนกับความกดดันจากสังคมที่มากเกินไปจนไม่มีทางเลือกอื่น ความเฉยเมยของเด็กที่เติบโตในสังคมนี้ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขาคิดว่าการเสี่ยงตายสู้กับเอเลี่ยนกับการไม่มีคะแนนพิเศษสอบเข้ามหาวิทยาลัย มันก็น่ากลัวเท่ากัน

หลังจากผ่านช่วงแรกที่ทำให้เราสับสนไปหน่อย ซีรีส์ก็เพิ่มความเร็วของการเล่าเรื่องและความระทึกขวัญขึ้นมา เพราะเมื่อความลับถูกเปิดเผยว่าเด็กเหล่านี้จะต้องสู้กับเอเลี่ยนที่โหดร้ายและเขมือบคนจริง ๆ ก็เป็นเวลาของการเผยความโหดร้ายของคน ก็เป็นเวลาของการเห็นว่าใครจะเป็นเด็กเก่งหรือเด็กเปรต ซึ่งเราจะได้รู้กันในช่วงนี้ ต้องบอกว่าในสมรภูมิแรกของเรื่องทีมงานก็ไม่ประหยัดฉากโหดเลย ทั้งเลือดเนื้อ ทั้งศพ ทั้งฉากฆ่าคนก็มีหมด ต้องยอมรับว่าจุดนี้เป็นจุดที่ทำได้ดีเกินคาด ทำให้คนดูตื่นเต้นและติดตามเรื่องราว กลับมาเป็นหมากที่เข้ามาอยู่ในกระดานที่ผู้กำกับวางแผนไว้ แม้ว่าจะมีบทพูดน้อย แต่ก็สื่อถึงเรื่องราวและองค์ประกอบของฉากได้ชัดเจน

งานโปรดักชัน CG และเอฟเฟกต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและสมจริง

ต้องชื่นชมว่าทั้งงานโปรดักชันที่เล่นใหญ่ ทั้ง CG และเอฟเฟกต์สุดเนียนตา มาพร้อมมุมกล้องที่ทันสมัย จนรวมไปถึงความสมจริงของฉากและพร็อพประกอบหนังต่าง ๆ ทำออกมาได้ดีมากจนอดที่จะนั่งคำนวณทุนสร้างในหัวเล่น ๆ ไม่ได้ งานภาพที่ออกมาทำได้ถึงมากในเรื่องความสมจริงและความระทึกใจ จนพอดูผ่านครึ่งแรกไปได้คนดูอย่างเราก็เริ่มสบายใจว่าซีรีส์มาได้ถูกทางแล้ว เอาเป็นว่าช่วงนี้ปล่อยใจจอย ๆ แล้วนอนดูกลุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีไล่ฆ่าเอเลี่ยนแบบสุดมันกันไปยาว ๆ เลย

แต่เมื่อเรื่องราวเดินทางมาถึงช่วงกลาง ก็เหมือนกับเปลี่ยนเป็นซีรีส์ Coming of age ที่เน้นไปที่ปัญหาและความสัมพันธ์ของเหล่าเด็ก ๆ ที่อาจจะไม่ทำให้เรื่องราวเสียหายมากนัก แต่ก็ทำให้คนดูรู้สึกเศร้าเป็นบางครั้ง ช่วงนี้ของซีซั่นเลยดูจืด ๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังมีฉากที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจอยู่บ้าง เพื่อรักษาความสนใจของคนดูไว้ได้

บทสรุปพาร์ตแรก ม่านปิดฉาก… บทใหม่เริ่มต้น

สุดท้ายเมื่อเรื่องราวมาถึงจุดสิ้นสุดของพาร์ต 1 ที่เราได้เห็นความโหดร้าย ความเศร้า ความสุข และความสัมพันธ์ของตัวละครที่เราเห็นอยู่ตลอดเวลา และเราก็เห็นอยู่ว่าเหล่าตัวละครเด็ก ๆ นี้มีเสน่ห์และเป็นตัวละครที่เราสนใจ ซีรีส์ก็กลับมาเล่นใหญ่อีกครั้งด้วยฉากยิงปืนสุดมันส์ที่เราคอยมานาน และที่สำคัญคือมีการวางจังหวะเรื่องราวได้ดี เป็นการเปิดเผยความเซอร์ไพรส์ที่เราไม่คาดคิด และทำให้เราต้องรอดูซีซั่นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง

  1. รีวิว Enigma คน มนตร์ เวท: ไขปริศนาแห่งพลังลี้ลับ เผยความลับแห่งเวทมนตร์
  2. รีวิว Analog Squad ทีมรักนักหลอก | ร่วมไขปริศนาคดีลวง กับทีมนักสืบสุดเก๋า
  3. รีวิวซีรีส์จีน สื่อรักผ่านเสียง Love Me Love My Voice: ละมุนละไม ฟินจิกหมอน