รีวิว Bangkok Breaking มหานครเมือง(ห)ลวง ซีรีส์ไทยแนว ระทึกขวัญ

รีวิว Bangkok Breaking มหานครเมือง(ห)ลวง ซีรีส์ไทยแนว แอคชั่น ระทึกขวัญ ดราม่า เรื่อง Bangkok Breaking 2021 มหานครเมือง(ห)ลวง กำกับโดย ก้องเกียรติ โขมศิริ, ปราบดา หยุ่น ระวังตัวไว้ให้ดี ความจริงในเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ ยิ่งรู้ยิ่งอันตราย เรื่องราวจะสนุกขนาดไหน แล้วจะมีบทสรุปอย่างไร เพื่อน ๆ อย่าลืมไปติดตามรับชม มหานคร เมืองหลวง ทุกตอน กันนะครับ คลิกเลยที่นี่ ดูหนังใหม่

อ่านบทความ รีวิว The Worst of Evil หรือหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ทาง รีวิวหนังจีน

ซีรีส์ไทยจากทุนสร้าง Netflix โดยตรงเรื่องที่ 3 ต่อจาก เคว้งกับเด็กใหม่ซีซั่น 2 (ซีซั่นแรกฉายลงทีวีก่อนมาฉายเน็ตฟลิกซ์) โดยเป็นผลงานกำกับกับเขียนบทของ โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับที่ถนัดแนวทริลเลอร์ สยองขวัญ หรือกระทั่งดราม่าหนัก ๆ ก็ยังได้ โดยมี ปราบดา หยุ่น นักเขียนที่เข้ามาวงการบันเทิงเต็มตัวครั้งแรกเป็นผู้อำนวยการสร้าง และได้ 2 นักแสดงฝีมือ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ กับ ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง มารับบทนำ โดยตัวซีรี่ส์มีความยาว 6 ตอนจบซีซั่น 1 หนัง bangkok breaking เต็มเรื่อง ตอนละประมาณ 1 ชั่วโมงเต็ม

Bangkok Breaking ออริจินัลซีรีส์ไทยเรื่องที่สองจาก Netflix ที่สร้างความน่าสนใจให้กับซีรีส์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อฉากหลังของเรื่องคือกรุงเทพฯ ที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ไม่ยาก และยังเสริมให้พล็อตเรื่องที่ตัวละครหลักอย่าง วันชัย (เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ) ต้องเข้ามาเป็นหนึ่งในอาสาสมัครกู้ภัยเพื่อเปิดโปงความลับอันดำมืดยิ่งน่าสนใจมากกว่าเดิม แต่เมื่อเราได้ติดตามการเดินทางของวันชัยไปจนถึงตอนจบ เรากลับรู้สึกว่าความน่าสนใจที่ถูกปูเอาไว้ในช่วงต้นเรื่องกลับค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ

หนังมหานครเมืองลวง เล่าเรื่องราวของ วันชัย ชายหนุ่มจากต่างจังหวัด ตัดสินใจเข้ามาทำงานเป็นอาสาสมัครกู้ภัยในกรุงเทพฯ ตามคำชวนของพี่ชายของเขา เขาได้ร่วมทำงานกับมูลนิธิกู้ภัยแห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกดึงเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยเดิมพันอันลึกลับของวงการกู้ภัยอย่างรวดเร็ว ด้วยความสิ้นหวังในการคำตอบของความยุติธรรม ทำให้เขาตระหนักได้ว่าจะต้องหาวิธีในการปลดล็อกแผนการสมรู้ร่วมคิดในเมืองภาพลวงแห่งนี้ โดยมีนักข่าวสาวที่มีความมุ่งมั่นเต็มร้อยร่วมมือกันเขาในครั้งนี้

อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น Bangkok Breaking คือซีรีส์ที่มีพล็อตเรื่องค่อนข้างโดดเด่น และน่าติดตามมาก ๆ แต่เมื่อเรื่องราวค่อย ๆ ดำเนินไปได้สักพัก เรากลับสัมผัสได้ถึงจุดด้อยของเนื้อเรื่องที่เริ่มลดความน่าสนใจลงเรื่อย ๆ จุดด้อยข้อหนึ่งที่เราอยากกล่าวถึงคือ ปมปัญหาของเรื่อง และความสัมพันธ์ของตัวละครที่ถูกปูเอาไว้อย่างน่าสนใจ แต่กลับขาดเวลาในการอธิบายให้ผู้ชมทำเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น ปมปัญหาของตัวละคร ศักดิ์ (แบงค์-ปวริศร์ มงคลพิสิฐ)

หนึ่งในทีมกู้ภัยจากมูลนิธิใจธรรมที่ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวโยงกับพี่ชายของวันชัย รวมถึงความขัดแย้งระหว่างศักดิ์ และมูลนิธิรวมพลังใจในอดีต แต่ตัวซีรีส์กลับไม่ได้หยิบปมปัญหาตรงนี้มาขยายความให้ผู้ชมได้เห็นภาพเท่าไรนัก หรือปมปัญหาในฝั่งของ แคต นักข่าวสาวไฟแรงจากโต๊ะบันเทิงที่ถูกต้นสังกัดกดดันไม่ให้เธอตามสืบเรื่องราวของมูลนิธิรวมพลังใจ ซึ่งเราคิดว่านี่ถือเป็นปมปัญหาที่น่าสนใจมาก ๆ แต่ตัวซีรีส์กลับไม่ได้หยิบประเด็นที่สื่อถูกอำนาจบางอย่างกดทับมาขยายความอย่างเจาะลึกเท่าที่ควร

เมื่อการปูปมปัญหา และความสัมพันธ์ของตัวละครเริ่มไม่มั่นคง มันจึงส่งผลกระทบมาถึงการคลายปมปัญหาภายในเรื่องที่ดูจะรวบรัด และเรียบง่ายเกินไป ทั้งการพยายามตามหาความจริงเรื่องพี่ของวันชัย และแคตที่ดูจะเกิดจากความบังเอิญมากกว่าการพยายามสืบสวน รวมถึงความขัดแย้งระหว่างมูลนิธิรวมพลังใจ และใจธรรมที่ไม่ได้อธิบายให้ผู้ชมเข้าใจอย่างชัดเจน ฯลฯ

ตัดสลับมาที่จุดเด่นของซีรีส์กันบ้าง คืองานโปรดักชันที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีต และสมจริงสมจัง โดยเฉพาะงานเมกอัพเอฟเฟกต์ในการสร้างบาดแผลที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงการสร้างฉากไฟไหม้ตึกขึ้นมาจริง ๆ สำหรับการถ่ายทำ เพื่อฉายภาพสถานการณ์จริงที่เหล่าทีมกู้ภัยต้องเผชิญในทุกค่ำคืนให้ผู้ชมได้สัมผัส

จุดเด่นอีกหนึ่งข้อที่เราอยากกล่าวถึง คือทัพ มหานครเมืองหลวง นักแสดง มากความสามารถที่ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสองตัวละครหลักของเรื่องอย่าง เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ในบทบาทของวันชัยที่ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดจากการสูญเสียผู้เป็นพี่ชายไป และ ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง ในบทบาทของนักข่าวสาวไฟแรงที่ต้องการจะเปิดโปงความจริงที่เกิดขึ้น

รวมถึงเหล่าตัวละครสมทบทุกคนต่างก็สวมบทบาทของตัวเองได้เป็นอย่างดี ทั้ง แบงค์-ปวริศร์ มงคลพิสิฐ ผู้สวมบทเป็น ศักดิ์ อาสาสมัครกู้ภัยผู้มีจิตใจที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ปู-สหจักร บุญธนกิจ ในบทบาทของ ประทีป ที่ถ่ายทอดความน่าเกรงขามของตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ฯลฯ

พระเอกนางเอกของเรื่องที่แสดงโดยเวียร์กับออม ถือว่าผ่านทั้งคู่ แม้อาจจะรู้สึกขัด ๆ ในตอนแรกที่ตัวละครของเวียร์ใช้บทพูดภาษาอีสานนำเรื่องยาวจนมาเปลี่ยนเป็นภาษากลางในตอนหลัง แต่เขาก็ถือว่ามีเสน่ห์เข้ากับบทคนบ้านนอกฮีโร่บ้าน ๆ ที่ทำอะไรลงไปโดยใช้อุดมการณ์นำหน้าตามความดีในใจ แต่กลับต้องมาติดในบ่วงของคนเลวที่มาบังคับเขาทำเรื่องชั่ว ๆ ไปจนจบเรื่อง กลายเป็นปมในจิตใจที่เขารู้สึกผิดตลอดเวลา และยิ่งมารู้ว่าพี่ชายของเขาก็เคยเดินในเส้นทางแบบนี้มาก่อนก็กลายเป็นความสับสนในใจเข้าไปอีก ตัวละครแบบสีขาวนำหน้าในใจแต่โดนสาดสีดำใส่ กลายเป็นลบสีนั้นไม่ออกเลยต้องกลมกลืนไปด้วย เวียร์แสดงบทนี้ได้ดีเลย

ส่วนออมนักแสดงหญิงยอดฝีมืออีกคนของวงการไทย แสดงเป็นนักข่าวสายบันเทิงที่พยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อสังคมโดยใช้อุดมการณ์นำ โดยการหันมาทำข่าวแนวอื่นที่ไม่ใช่การเฝ้าตามดารา แต่กลับมีปัญหาต้นสังกัดสื่อที่กำลังย่ำแย่เบรคไว้ตลอด จนในที่สุดเธอต้องลุกขึ้นมาทำช่องทางโซเชียลไว้นำเสนอข่าวของตัวเองค้านกับที่ต้นสังกัดคาดโทษไว้ บทนี้แม้เป็นนางเอก แต่เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้ลึกหรือดีมาก เรียกว่าพื้น ๆ ไม่มีอะไรให้เธอแสดงทางอารมณ์ได้มาก ซึ่งออมในเรื่องนี้ก็ไม่ได้เน้นสวยหรือมีเสน่ห์ใส ๆ แบบลุคของตัวออมเองจริง ๆ (นักแสดงสมทบหญิงในเรื่องหลายคนสวยกว่าด้วย) บทวางไว้ให้เป็นนักข่าวสายลุยไม่ห่วงสวย ไม่มีแต่งหน้าหรือใส่ชุดสวยใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เวลาฉากที่พระเอกนางเอกจีบกันก็ดูกุ๊กกิ๊กน่ารักชวนอมยิ้มดี เคมีทั้งคู่ถือว่าเข้ากันได้ (ทั้งคู่พึ่งเคยแสดงร่วมกันครั้งแรก) และเอาจริง ๆ บทนางเอกเป็นสายรุกมีอ่อยแบบมีเชิงมากกว่าพระเอกด้วยซ้ำ เพราะพระเอกเป็นคนบ้านนอกซื่อ ๆ ไม่ใช่สาวชาวกรุงแบบเธอ

ในภาพรวมแล้ว bangkok breaking ซีซั่น 2 ค่อนข้างจะมีจุดเด่นในด้านของงานโปรดักชันที่สมจริงสมจังไม่แพ้ซีรีส์ระดับโลก สำคัญที่สุดคือ การแสดงอันยอดเยี่ยมของทัพนักแสดงมากความสามารถ แต่ขณะเดียวกันซีรีส์ก็มีจุดด้อยหลัก ๆ ในด้านของเนื้อเรื่องที่ไม่สามารถสร้างความตื่นเต้น และชักชวนให้ผู้ชมอยากจะติดตามการสืบหาความจริงของตัวละครหลักได้อย่างที่ควรจะเป็น

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานที่ผู้สร้างชาวไทยหวังยกระดับการทำงานให้เป็นสากลดูอินเตอร์แบบที่ต่างชาติชอบได้ ซึ่งก็ต้องบอกกันตรงนี้เลยว่าถ้ามองในมุมนี้ตัวซีรีส์ยังไม่สามารถสลัดภาพลักษณ์เดิม ๆ ของละครไทยไปได้ ถ้าใครคาดหวังว่าจะได้ดูซีรีส์ไทยที่มีความเป็นมาตรฐานสากลในระดับของงานโลคอลจาก Netflix ยังไม่ผ่าน ปิดทิ้งไม่ต้องดูเลยครับ เพราะเอาแค่ในเอเชียด้วยกันอย่าง ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง ผลงานจากไทยเรื่องนี้ก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงหรือทำให้รู้สึกอินเตอร์ได้แบบนั้นจริง ๆ

ถึงโดยรวมจะไม่แตกต่างจากละครไทย แต่จุดขายที่เรียกว่าดีกว่าละครไทยลงทีวีปกติได้เลยก็คือ ฉากอุบัติเหตุในเรื่องดูตั้งใจ ลงทุนสูงพอ ซึ่งงบของเน็ตฟลิกซ์ก็คงเทมาลงที่ตรงนี้เป็นหลัก ตัวเรื่องเปิดมาก็เซ็ตฉากอุบัติเหตุรถชนครั้งใหญ่ มีจังหวะที่คิดว่าใช้ CG ผสมด้วยนิด ๆ อย่างฉากรถลอยเหินมาหาพระเอก แต่ก็ต้องบอกว่าฉากอุบัติเหตุเปิดเรื่องนี้ไม่ได้ทำออกมาเนี๊ยบมาก แอบดูมีความปลอมจนรู้สึกเฟลกับฉากเปิดเรื่องอยู่พอสมควร

ชื่อเรื่อง: Bangkok Breaking (มหานครเมือง..ลวง)
ประเภท: ดราม่า / ระทึกขวัญ / แอคชั่น
กำกับโดย: ก้องเกียรติ โขมศิริ, ปราบดา หยุ่น
เขียนบทโดย: ก้องเกียรติ โขมศิริ, ปราบดา หยุ่น, ฐิติพงศ์ ใช้สติ
จำนวน: 6 ตอน