รีวิว Cold War

Cold War ภาคแรกถือเป็นหนังจีนฮ่องกงแนวเฉือนคมที่ทำออกมาได้เข้มข้นครับ แม้จะไม่ถึงขั้น Infernal Affair แต่ก็ถือว่าทำได้สนุกแบบที่พบได้ไม่บ่อยสำหรับหนังฮ่องกงและหนังจีนยุคหลังๆ (ที่ดูจะเน้น CG ซะจนล้น) เป็นหนังที่พล็อตเบา แต่อาศัยพื้นหลังการเมืองมาช่วยเร่งความสะเทือนอารมณ์แล้วซอยย่อยเรื่องราวเป็นฉาก ๆ เหมือนละครเวที ซึ่งส่วนตัวยังรู้สึกไม่อินกับความสัมพันธ์ของตัวละครเท่าอารมณ์ที่หนังนำเสนอ ประมาณว่าอารมณ์ตัวละครแสดงความหลงใหล ความคลั่งไคล้แบบเกินร้อย แต่น้ำหนักของพล็อตเรื่องปูไว้แค่ประมาณสิบเต็มร้อยเท่านั้นเอง เลยอาจจะอินไม่ทันหนัง อย่างไรก็ตามถ้าดูโครงเรื่องเราพบความน่าสนใจอยู่เหมือนกันเพราะมันเป็นเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในโปแลนด์ช่วงหลังสงครามโลก

ซึ่งคอมมิวนิสต์เริ่มมีบทบาทต่อกระทั่งวงการร้องเต้นเล่นเพลง จนทำให้พระเอกไม่พอใจและหาทางออกนอกประเทศไปยังดินแดนเสรีอย่างฝรั่งเศส บทบาทของคอมมิวนิสต์จึงถูกหนังหยิบมาใช้นำเสนอถึงรอยร้าวระหว่างคนสองคนที่รักกันแต่ทัศนคติต่อการเมืองไม่ตรงกัน หรือจริง ๆ อาจจะเป็นการสมยอมต่อระบอบเพราะฝั่งนางเอกมีความกังวลเรื่องภาษาและกลัวการต้องไปเริ่มต้นใหม่ในต่างแดน  ดูหนังออนไลน์2021 พากย์ไทย ทั้งที่เธอสามารถก้าวหน้าได้ในโปแลนด์ด้วยความสามารถและความเป็นที่นิยมอยู่แล้ว ดังนั้นการตัดสินใจไม่หนีตามกันไปจึงทำให้ความรักของทั้งคู่ต้องแยกออกจากกันไปแต่ความหลงใหลที่มีต่อกันไม่ได้สูญสิ้นตามไปด้วย ทำให้เรื่องราวต่อจากนั้นจึงเป็นเรื่องการพบกันและแยกกันไปในแต่ละช่วงปี

Director: Pawel Pawlikowski (ผู้กำกับ Ida)

story: Pawel Pawlikowski

screenplay: Pawel Pawlikowski, Janusz Glowacki

Genre: romance, drama, music

 

 

จำได้ว่าตอนดูภาคแรกนั้น ช่วงต้นๆ ผมยังไม่ถึงกับอะไรมาก เพราะการลำดับเรื่องบางอย่างดูจะกระท่อนกระแท่น แต่พอดูๆ ไป พอเข้าใจอะไรๆ มากขึ้นก็เริ่มมันส์ครับ แล้วความชอบก็เกิดในใจผมไปจนหนังจบเลยทีเดียว จุดเด่นอย่างหนึ่งของภาคแรกคือประเด็นเรื่องศักดิ์ศรี เรื่องเกียรติ เรื่องการบริหารจัดการ และเรื่องชัยชนะ

Cold War แปลตามตัวว่าสงครามเย็น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามเย็นที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วโลกแบ่งเป็นสองค่ายภายใต้สองอภิมหาอำนาจ คือสหรัฐอเมริกา ยักษ์ใหญ่ค่ายโลกเสรี กับสหภาพโซเวียตผู้นำค่ายคอมมิวนิสต์หรอกครับ

นำเสนอผ่านการขับเคี่ยวของ 2 ตัวละครหลักอย่าง หลี่เหวินปิง (เหลียงเจียฮุย) รองผบ.ตร. ฝ่ายปฏิบัติการ และหลิวฉีฮวย (กั๊วฟู่เฉิง) รองผบ.ตร. ฝ่ายบริหาร ที่ต้องรับมือกับภัยก่อการร้าย

แม้ภาคแรกมันอาจไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ แต่ก็จัดว่าทำได้มันส์ เข้ม และน่าติดตาม พลังสำคัญของหนังคือดาราที่เลือกระดับท็อปมาประชันกัน ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก และถ้าว่าตามจริงตัวบทเองก็มันส์ครับ มีการเฉือนคมกันเยอะอยู่ เพียงแต่การเล่าเรื่องและร้อยเรียงอาจยังไม่สุดๆ เท่านั้นแหละ ภาคแรกถือเป็นหนังที่หากใครชอบแนวเฉือนคมล่ะก็ ผมแนะนำเลยครับ แต่อย่าตั้งความหวังมากก็แล้วกัน (บอกแล้วครับว่ามันไม่ได้เด็ดเท่า

แล้วจากนั้นเรื่องก็เข้มข้นขึ้นเมื่อเขาโดนตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าหลิวฉีฮวยกำลังโดนเล่นงานจากคนบางกลุ่มอย่างแน่นอน แล้วสักพักหนังก็เริ่มเฉลยให้เรารู้ว่าผู้อยู่เบิ้องหลังเรื่องนี้ต้องการอะไรกันแน่ หนังเรื่องCold War นี้ ใช้ชื่อเรื่องภาษาไทยว่า “2 คมล่าถล่มเมือง” ซึ่งหมายถึงการหักเหลี่ยมกันของสองนายตำรวจใหญ่ ก่อนจะไปเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับหนัง ผมก็ขอหยิบเรื่องย่อมาให้อ่านกันเสียก่อน

ในหนังมันเล่าถึงสงครามภายในกรมได้แบบถึงแก่นมาก แต่ละคนก็มีกลเม็ด มีนอกมีใน ล็อบบี้กันได้ตลอด ไม่ว่าจะฝ่ายบริหาร ฝ่ายปฎิบัติการ
แถมกล้าเล่นประเด็นใช้อำนาจโดยมิชอบ การคานอำนาจกัน รู้สึกว่าทีมบททำการบ้านมาดี ลึกจริง เลยสงสัยว่าทำไมวงการหนังฮ่องกงถึงกล้าให้เล่นประเด็นแบบนี้ได้โดยไม่มีการแบน เรื่องตำรวจ เรื่องคอรัปชั่น มีแม้แต่เรื่องทำกับผู้ต้องหาแบบรุนแรง (ในฉากมีการจับตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาติพันธุ์แขก มาจับกรอกน้ำผ่านผ้าขนหนู โดยตำรวจเป็นคนทำ)

 

รีวิว Cold War-1

 

รีวิว Cold War โคตรหนังสงครามเย็น ขอองจีนที่ทำได้ยอดเยี่ยม

ฮ่องกง เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย เมืองการค้าระดับโลกที่ตำรวจเป็นใหญ่และไม่มีใครกล้าแตะต้อง แต่แล้วในกลางดึกคืนหนึ่ง มีโทรศัพท์ลึกลับโทรเข้ามายังสำนักงานตำรวจฮ่องกง แจ้งเบาะแสว่ารถตู้ขนอาวุธที่นำสมัยที่สุดของกรมตำรวจและเจ้าหน้าที่ระดับสูง 5 นาย ได้หายไปจากระบบติดตาม

ช่วงต้นนี่ถือว่าสนุก น่าติดตาม มีความน่าสนใจ และการมาของทนายอาวุโส (โจวเหวินฟะ) ก็ทำให้หนังดูมีพลังมากขึ้น แต่ทีนี้พอเดินไปสักค่อนเรื่อง พอปมส่วนใหญ่ได้รับการเฉลยแล้ว ความน่าติดตามก็ดูจะลดลง และบางปมก็คลี่คลายง่ายๆ แบบที่เหล่าตัวเอกไม่ต้องเหนื่อยสืบค้นอะไรแบบภาคแรก

การต่อสู้กันระหว่างสองฝ่าย ก็ยังมีเรื่องกฎหมาย การอ้างเรื่องหน้าที่รับผิดชอบ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุกภาคไทย ที่คนอำนาจสูงกว่าสามารถปลดใครก็ได้ โดยอีกฝ่ายก็ยกความปลอดภัย สิทธิของประชาชนในการที่จะรับรู้ว่าตนเองต้องอยู่ภายใต้กฏอัยการศึก ขณะที่ประเทศไทย เรื่อง political awareness สำหรับประชาชนหรือผู้ใช้อำนาจยังง่อยเปลี้ยมาก ยิ่งดูข่าวเมื่อคืนที่แม่ค้า ถูกนักเลงวัยรุ่น 5 คน รุมทำร้าย แล้วตัวเองป้องกันตัว ขณะที่ศาลกลับตัดสินให้แม่ค้าผิด ถูกจับอะไรทำนองนี้ เลยรู้สึกว่าประเทศไทย ยังห่างไกลจากฮ่องกงมาก (ขณะที่ในหนังขี้โม้ว่าฮ่องกงเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย)

กลับมาเรื่องหนังอีกครั้ง ส่วนตัวเรานอกจาก cold war แล้ว หนังที่ดูมาของฮ่องกง ที่วิพากษ์การทำงานของตำรวจ ล้วนแต่กล้าแตะประเด็นละเอียดอ่อนทั้งนั้น เช่น Infernal Affairs ที่สุดท้ายตำรวจวิสามัญตำรวจด้วยกันเอง แล้วอ้างสถานะตนว่าเป็นตำรวจ ทั้งที่ตลอดเรื่องทำชั่วมาตลอด หรือ Legendary couple ที่เล่าเรื่องคู่ชายหญิงที่ทำตัวเหมือนบอนนี่และไคลด์ ตัวเอกถูกตำรวจซ้อมโดยเอาค้อนทุบ แล้วเอาสมุดหน้าเหลืองรอง (เพื่อไม่ให้เห็นร่องรอย) หรือการที่ตำรวจในเวลานั้น ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของอังกฤษ ตำรวจยิงถูกผู้บริสุทธิ์ แล้วไปออกสื่อว่าเป็นคนร้ายยิง

โจรที่ปฏิบัติการในครั้งนี้ ล่วงรู้ระบบการทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี และยังรู้เท่าทันการทำงานของตำรวจ แถมล้ำหน้าไปหนึ่งขั้นตลอดเวลา ตำรวจจะต้องทำตามข้อ ดูหนังออนไลน์ เรียกร้องที่พวกมันกำหนดขึ้น รวมทั้งเงินค่าไถ่จำนวนมหาศาล เพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน ทุกๆ เสี้ยววินาทีหมายถึงชีวิตของตัวประกัน เวลาเริ่มนับถอยหลังแล้ว หนังเริ่มเปิดเรื่องได้ชวนติดตามทีเดียวครับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายบริหาร หลิว ฉีฮวย และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายปฏิบัติการ หลี่ เหวินปิง ต่างแย่งชิงกันทำคดี คดีนี้ถูกตั้งรหัสภารกิจว่า Cold War “โคลด์ วอร์” ที่แปลว่า สงครามเย็น

หลิวต้องการต่อรองกับโจร ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะตามแกะรอยไปให้ถึงแหล่งที่ซ่อนของพวกมัน แต่ในขณะที่ หลี่พร้อมจู่โจมอย่างบ้าระห่ำไม่สนว่าจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ใช่แค่การเดิมพันชีวิตของตัวประกันหรือภาพลักษณ์ของกรมตำรวจ แต่มันหมายถึงอำนาจ เนื่องจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำลังจะว่างลงในไม่ช้านี้

ภารกิจโคลด์ วอร์ จึงเปรียบเสมือนบันไดที่พวกเขาต้องแย่งชิงเพื่อชัยชนะและให้ได้มาซึ่ง ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกตั้งข้อสงสัยจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าเป็นการคอร์รัปชั่นหรือไม่ ทั้งหมดเป็นแผนการของตำรวจในกรมด้วยกันเองนั่นแหละ

 

รีวิว Cold War-2

 

รีวิวหลังดูจบ ความคิดเห็นหลังดูของผู้เขียน

หนังจบแบบทิ้งเชื้อรอให้ดูต่อภาค 3 ครับ ซึ่งผมก็พร้อมดูนั่นแหละ แต่ก็หวังว่ามันจะออกมาเข้มขึ้น มันส์ขึ้น เพราะจริงๆ ปมที่ทิ้งไว้มันเป็นเรื่องใหญ่ครับ มันคือเรื่องระดับประเทศเลยล่ะ ถ้าทีมเขียนบทเอาเรื่องพวกนี้มาเล่นแบบจริงจัง มันจะเป็นหนังแอ็กชันทริลเลอร์การเมืองที่เจ๋งมากเลยล่ะ

จากการดูหนังเรื่องนี้ ช่วงแรกๆ นั้นอาจจะดูงงๆนิดหน่อยเพราะการตัดต่อแบบปุ๊บปั๊บ รีวิวหนังจีนออนไลน์ ทั้งคนและสถานที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเผลอลุกจากเก้าอี้ไปหาป๊อปคอร์นกินแกล้มหนัง มีสิทธิ์ที่คุณจะดูแล้วงง หรือปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้

การหักเหลี่ยมกันของสองตัวรวจใหญ่ ที่พยามจะเอาดึงคดีนี้มาอยู่ในมือ มันทำให้เรานึกถึงการแย่งชิงอำนาจของนักการเมือง ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจอยู่ในมือ พูดง่ายๆก็คือมีการเมืองอยู่ในทุกวงการ รวมถึงวงการตำรวจ และมีการแก่งแย่งกันทุกที่ ไม่ใช่แค่ที่เมืองไทยที่เป็นแบบนี้

 

 

เมื่อดูหนังเรื่องนี้คุณจะเห็นวิธีการล็อบบี้หักเหลี่ยมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ รวมทั้งการอ้างเหตุผลในการปฎิบัติงาน เช่น การอ้างอำนาจจากตำแหน่ง การอ้างกฎหมายกฎระเบียบ และ การอ้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน

เรายังได้เห็นตัวรวจที่กร่างไปทั่ว อันนี้เมืองไทยเราหนักข้อมานานแล้ว ยิ่งในช่วงสำแดงความเป็นรัฐตำรวจ ใช้อำนาจเหนือประชาชน ดูไปแล้วนิสัยสันดานด้านมืดของตำรวจเลวๆทั้งโลกจะเหมือนๆกัน ความกร่าง ความผยอง และลุแก่อำนาจเกิดขึ้นได้เสมอ หากคุณเป็นผู้มีอำนาจ มีกฎหมาย มีปืนอยู่ในมือ และใช้อำนาจอย่างเหิมเกริมไม่ระมัดระวัง

โดยรวมแล้วผมชอบภาคแรกมากกว่าครับ ในขณะที่ภาค 2 ก็ถือว่าทำได้ดีมาค่อนเรื่อง รีวิวหนังจีนออนไลน์ แต่มาอ่อนพลังไปหน่อยตอนท้าย (จริงๆ ผมว่าน่าจะสลับลำดับระหว่างฉากในอุโมงค์กับฉากไล่ล่า 5 คนร้ายในตอนท้ายนะ ประมาณว่าเอาฉากล่า 5 คนร้ายมาก่อน แล้วให้ฉากอุโมงค์เป็นไคลแม็กซ์

ส่วนงานภาพนี่ก็สมคำร่ำลือ เป็นหนึ่งในหนังขาวดำที่ถ่ายภาพออกมาจับโมเม้นต์สำคัญได้งดงามตลอด คือความที่หนังพล็อตมันเบา พวกงานด้านอื่น ๆ เลยต้องทำงานหนักขึ้นเป็นพิเศษ ทั้งภาพที่ต้องสื่ออารมณ์ในแต่ละห้วงเวลา, การแสดงที่ต้องถ่ายทอดความรู้สึกข้างในตัวละครออกมาให้ชัดเจนโดยเฉพาะความหลงใหลระหว่างคนสองคน เพราะบทมันแทบไม่เล่า ตัวละครเลยต้องสื่อสารแทนให้ได้, รีวิวหนังจีน ดนตรีต้องดึงอารมณ์ให้อยู่หมัด อันนี้หนังทำสำเร็จ แต่ยังรู้สึกคล้าย ๆ ตอนดู Ida ว่าพอเรารู้ประวัติศาสตร์โปแลนด์ยุคหลังสงครามโลกน้อยไปหน่อยก็น่าจะมีส่วนที่ทำให้เข้าใจพื้นหลังของตัวละครได้น้อยกว่าที่ควร โดยรวมยังเป็นหนังที่ไม่ผิดหวังที่ได้ดู แต่สไตล์หนังอาจจะออกมาไม่เท่าความคาดหวังที่คิดไว้เท่านั้นเอง