รีวิว Hero

ภาพยนตร์จีนเรื่อง Hero นี้ เป็นหนังแอ็คชั่นแบบจีนที่มีการแสดงออกแตกต่างจากหนังกำลังภายในโดยทั่วไป ฉากที่แสดงให้เห็นถึงความแฟนตาซีทำให้มองได้ว่าผู้สร้างต้องการเน้นเรื่องของความคิดและอารมณ์ที่ปรากฏในหนังมากกว่าความมันส์เหมือนกับหนังแอ็คชั่นโดยทั่วไป การสื่ออารมณ์ที่ละเมียดละไมนั้นมักจะใช้ประเด็นเรื่องสีเป็นองค์ประกอบหลัก แต่สำหรับหนังเรื่องนี้แล้ว “สี” ไม่ได้สื่อเฉพาะอารมณ์

แต่สียังสื่อถึงความคิดและการใช้ตรรกที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ กลายเป็นว่า “สี” ได้ทำหน้าที่เกินกว่าสิ่งที่มันควรจะเป็น แต่มันก็ไม่ละทิ้งคุณสมบัติดั้งเดิมของตัวมันเอง การที่ Hero วางองค์ประกอบศิลป์มาในแนวทางนี้ สิ่งที่ได้คือความลุ่มลึกทางอารมณ์ที่หนังพยายามสื่อ แต่สิ่งที่อาจสูญเสียไปคือความจริงจังและลักษณะเหมือนจริงที่หนังจีนกำลังภายในหลายเรื่องทำมาเป็นจุดขาย แต่ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะมีการแสดงออกแบบเหนือจริง รีวิวหนังจีน

กษัตริย์ทรงครุ่นคิดถึงรายละเอียดทุกตอน ของเรื่องราวที่น่าสงสัยนี้ แต่แล้วบางอย่างที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะทรงมีเรื่องเล่าที่แตกต่างออกไป ว่าเหตุใด นิรนามจึงได้มานั่งอยู่ ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์! ติดตามดูต่อที่ เว็บดูหนังฟรี

เมื่อปรากฎว่าไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย นิรนาม ทหารกล้า และกษัตริย์แห่งฉิน ผู้ปกครองอาณาจักร ต่างตกอยู่ท่ามกลางเล่ห์เพทุบาย และระยะสิบก้าว ที่คั่นกลางระหว่างทั้งคู่นั้น ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยตำนานแห่งความรัก ความจงรักภักดี และหน้าที่ เรื่องราวที่ดำเนินไป ไกลเกินกว่าจะได้รับการบันทึกไว้ ในหน้าประวัติศาสตร์ เรื่องราวแห่งความหมายของการเป็น วีรบุรุษ

 

 

แนว: History, Sports & Fitness, Action, Drama

นักแสดงนำ: Jet Li ,Tony Leung Chiu Wai ,Maggie Cheung ,Donnie Yen Ji-Dan

ความยาว : 1 ชั่วโมง 33 นาที

Rotten Tomatoes: 94%

ในยุคสงครามระหว่างรัฐ ปี 475 – 221 ก่อนคริสตกาล ประเทศจีนได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 อาณาเขต ฉิน, เฉ่า, ฮั่น, เว่ย, หยาน, ชู และฉี เป็นเวลาหลายปีที่แคว้นต่าง ๆ ได้ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง เพื่อแก่งแย่งอำนาจ ยังส่งผลให้ประชาชนจำนวนมาก ต้องล้มตาย และทนทุกข์ทรมานนานนับทศวรรษ

 

รีวิว Hero-1

 

ในบรรดาแคว้นทั้งเจ็ด รัฐฉินนั้นแข็งแกร่งที่สุด กษัตริย์แห่งฉิน (เฉินต๊ะหมิง) ปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะครอบครองจีนทั้งแผ่นดิน เพื่อขึ้นครองเป็นจักรพรรดิแห่งจีนพระองค์แรก พระองค์จึงตกเป็นเป้าสังหารของอีกทั้งหกแคว้น ในบรรดามือสังหารทั้งหลาย จะหาผู้ใดที่น่าสะพรึงกลัว เท่ากับสามจอมยุทธ ดาบหัก, หิมะเหิน และ เวหา นั้นมิมี

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้มีอยู่ว่าในยุคที่ชาวจีนแตกแยกและยังไม่สามารถรวมกันเป็นปึกแผ่นได้นั้น อ๋องแห่งแคว้นฉินกลายเป็นผู้มีอำนาจและสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพ และได้แผ่กระจายอำนาจไปยังดินแดนต่าง ๆ แน่นอนว่าการแผ่กระจายอำนาจไปในลักษณะนี้ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตของผู้คนเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน ถึงแม้จะมีคนยกย่องแต่ในอีกด้านหนึ่งก็จะมีคนเคียดแค้นและประสงค์ไม่ดีต่อท่านอ๋องแห่งแคว้นฉินจนถึงขั้นคิดที่จะสังหาร การเฟ้นหามือสังหารเป็นยอดฝีมือหรือแผนสังหารอันเฉียบคมจึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นตัวนำพาไปสู่แก่นเรื่องได้เป็นอย่างดีนอกจากการเข้าใจภาพรวมของหนังแล้ว การเข้าถึงตัวละครสำคัญจะทำเราให้เราสามารถเข้าใจในสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อได้มากขึ้น ซึ่งตัวละครสำคัญของหนังเรื่องนี้มีดังนี้

1.ท่านอ๋องแห่งแคว้นฉิน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจและสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพ

2.”ไร้นาม” เขาเป็นยอดฝีมือที่ได้เข้าเฝ้าท่านอ๋องแห่งแคว้นฉิน และการที่เขาได้เข้าเฝ้านั้นเพราะเขาสามารถกำจัดผู้ร้ายที่ลอบเข้ามาทำลายกองกำลังของแคว้นฉิน

3. “ฟ้าเวิ้ง” เขาเป็นมือทวนที่มีความสามารถสูงมาก และเขาได้สังหารทหารแคว้นฉินนับร้อย เขาเป็นคนที่คิดปฏิปักษ์ต่ออ๋องฉินและคิดที่จะสังหารอ๋องฉินอยู่ตลอดเวลา

4.”หิมะเหิน” เธอเป็นมือกระบี่ที่เคียดแค้นท่านอ๋องฉินเป็นอย่างมาก สิ่งที่เธออยากทำมากที่สุดคือการได้สังหารท่านอ๋องฉิน ไม่ว่าจะเป็นการสังหารด้วยตัวเองหรือต้องพึ่งน้ำมือคนอื่นก็ตาม สำหรับเธอ เป้าหมายสำคัญมากกว่าวิธีการ หิมะเหินเป็นคู่รักของ “กระบี่หัก”

5.”กระบี่หัก” เขาเป็นมือกระบี่ผู้ซึ่งเคยร่วมฝ่าด่านทหารฉินพร้อมกับหิมะเหิน เขาได้เข้าประชิดตัวอ๋องฉิน แต่เขาก็ไม่ได้สังหารอ๋องฉิน เว็บดูหนัง

 

รีวิว Hero-2

 

รีวิว Hero เนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้

เหตุการณ์ตามท้องเรื่องเริ่มต้นจาก “ไร้นาม” ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอ๋องฉินเพราะเขาได้กำจัดศัตรูของอ๋องฉินได้ถึงสามคน คือ ฟ้าเวิ้ง หิมะเหินและกระบี่หัก ซึ่งอ๋องฉินเองเคยประกาศไว้ว่าจะให้รางวัลกับผู้ที่สามารถกำจัดศัตรูของเขาได้ รางวัลนั้นนอกจากทองคำและที่ดินแล้ว  ยังมีการได้เข้าเฝ้าและร่วมดื่มกับอ๋องฉินในระยะ 10 ก้าว ซึ่งตามปกติแล้วอ๋องฉินจะไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้เกิน 100 ก้าว การให้รางวัลในลักษณะนี้เรามองได้ว่าเป็นการเรียกฝ่ายที่ภักดีกับตนให้เข้ามาใกล้ แต่อีกนัยหนึ่งก็สามารถเรียกศัตรูให้เข้ามาใกล้ได้เหมือนกัน ด้วยความที่คนที่เข้ามาใกล้เป็นได้ทั้งมิตรและศัตรูทำให้อ๋องฉินได้ถามคำถามสำคัญแก่ไร้นามว่าเขากำจัดฟ้าเวิ้ง หิมะเหิน และกระบี่หักได้อย่างไรซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ไร้นามตอบคำถามของอ๋องฉินและภาพเหตุการณ์ในอดีตก็ย้อนกลับมาให้เราเห็นเป็นภาพอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น

ไร้นามเล่าเรื่องให้อ๋องฉินฟังว่า เขาวางแผนกำจัดศัตรูทีละคน คนแรกที่เขากำจัดคือฟ้าเวิ้ง โดยเขาเล่าว่าเขาใช้เพลงกระบี่ของเขาเอาชีวิตฟ้าเวิ้งในการต่อสู้ที่โรงหมากล้อม และสามารถตัดเอาทวนของฟ้าเวิ้งมา ได้ เราสามารถสังเกตได้ว่าการใช้สีในฉากการต่อสู้ของไร้นามและฟ้าเวิ้งเป็นโทนสีที่ใกล้เคียงกับฉากของไร้นามคุยกับท่านอ๋อง การใช้สีเช่นนี้หมายความถึงการไร้การปรุงแต่ง

ไร้นามเล่าว่าเขาได้ปลอมตัวเป็นชาวแคว้นจ้าวและได้เดินทางไปยังโรงเรียนประดิษฐ์อักษรซึ่งเป็นที่ๆหิมะเหินและกระบี่หักอาศัยอยู่ ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นคู่รักกัน แต่พวกเขาไม่ได้พูดกันมาสามปี โดยไร้นามอ้างว่าเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ไม่พูดกันคือเหตุการณ์ตอนที่หิมะเหินไปมีอะไรกับฟ้าเวิ้ง ไร้นามเล่าว่าเขาได้ไปขอให้กระบี่หักเขียนอักษรคำว่า “กระบี่” ให้ พร้อมกับยุให้ทั้งสองเกลียดชังกันมากขึ้นจนถึงขั้นที่ว่าหิมะเหินลงมือสังหารกระบี่หัก หลังจากนั้นเธอก็ตามไปสู้กับไร้นามที่ค่ายทหารของฉินตามคำท้าของไร้นาม และในท้ายที่สุดเธอก็พลาดท่าให้กับไร้นามทำให้ ไร้นามชนะทั้งสามและสามารถนำอาวุธประจำกายของพวกเขามาถวายอ๋องฉินได้สำเร็จ

ฉากการเล่าเรื่องของไร้นามนั้นเป็นฉากที่เต็มไปด้วยสีแดง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่มี “การปรุงแต่ง” ค่อนข้างสูง นอกจากฉากนี้มีสีสดแล้วยังมีลักษณะเหนือจริงต่างๆมากมาย เช่น การยิงธนู การปกป้องโรงเรียนประดิษฐ์อักษรฯ การใช้สีในฉากนี้บ่งบอกถึงความเคลือบแคลงและการซ่อนเร้น ซึ่งสอดคล้องกับฉากความจริงต่อมาที่อ๋องฉินสงสัยในเรื่องที่ไร้นามเล่าและพยายามถามอย่างมีจุดประสงค์ อ๋องฉินให้ข้อสังเกตว่า หิมะเหินและกระบี่หักเคยบุกมาเพื่อหมายจะสังหารตน ด้วยเหตุการณ์นี้ที่เขาเห็นว่าทั้งสองเชื่อใจกันเกินกว่าที่หิมะเหินจะไปเป็นชู้กับชายอื่นได้แม้จะอยากก็ตามที นอกจากนี้ อ๋องฉินยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า

 

 

ฟ้าเวิ้งต้องรู้จักกับไร้นามและยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้แผนการสำเร็จ เมื่อไร้นามได้ทวนของฟ้าเวิ้งแล้ว ก็เดินทางไปแคว้นจ้าว เพื่อขอให้หิมะเหินกับกระบี่หักร่วมมือกับเขาโดยการแสดงเพลงยุทธขั้นสูงสุดที่จะสามารถสังหารคนได้ในระยะ 10 ก้าว จากนั้นก็ขอให้คนใดคนหนึ่งไปต่อสู้กับไร้นามที่ค่ายทหารฉิน หิมะเหินไม่ต้องการให้กระบี่หักเข้าไปต่อสู้ จึงทำร้ายกระบี่หักและตัวเองไปต่อสู้แทนจนถูกไร้นามทำร้ายและสังหารในท้ายที่สุด จากนั้นไร้นามก็ได้ต่อสู้กับกระบี่หักเหนือทะเลสาบ ฉากการตั้งข้อสังเกตของอ๋องฉินนี้เป็นสีฟ้าแสดงให้เห็นถึงการลดทอนการปรุงแต่งและพยายามที่จะหาความเป็นจริงมากขึ้น

เมื่ออ๋องฉินจบการตั้งข้อสังเกตของเขา ไร้นามสงสัยว่าอ๋องฉินรู้แผนการของเขาได้อย่างไร อ๋องฉินกลับบอกว่ารู้จากเปลวไฟตะเกียงที่มีการส่งผ่านพลังความแค้นในจิตใจของไร้นาม ทำให้คนดูคงหายสงสัยว่าทำไมหน้าอ๋องฉินจึงมีตะเกียงวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ทันใดนั้นเองอ๋องฉินสังเกตเห็นเปลวไฟไหวเปลี่ยนทิศจึงถามไร้นามด้วยความสงสัยว่าสิ่งใดที่ไร้นามลังเล ไร้นามตอบกลับไปแค่เพียงว่าอ๋องฉินประเมินกระบี่หักผิดไป และเขาก็เล่าความจริงให้ฟัง การเล่าครั้งนี้ของไร้นามเป็นสีเขียว หมายให้เห็นถึงความจริงที่ลดทอนความลวงลงไปอีกขั้น ไร้นามเล่าถึงตอนที่ไปพบหิมะเหินกับกระบี่หักว่า เมื่อเขาได้แสดงฝีมือเพลงกระบี่ในระยะ 10 ก้าวให้ดูว่ามีความแม่นยำแค่ไหน หิมะเหินตอบรับจะไปสู้กับไร้นามในค่ายทหารของฉิน และเล่าว่าการบุกสังหารอ๋องฉินที่พลาดไปเป็นเพราะกระบี่หักเปลี่ยนใจกะทันหัน หิมะเหินผิดหวังกับการตัดสินใจของกระบี่หักครั้งนี้มาก ก็เลยทำร้ายจนกระบี่หักบาดเจ็บ วันต่อมาหิมะเหินไปต่อสู้กับไร้นามที่ค่ายทหารกองทัพฉิน เธอพลาดท่าจนทหารคิดว่าเธอตาย ไร้นามเดินทางกลับแคว้นฉิน กระบี่หักมาทัดทานไว้ ขอให้ล้มเลิกแผนสังหารอ๋องฉิน แต่ไร้นามยืนยันว่าจะไม่ล้มเลิก กระบี่หักจึงเขียนข้อความ “ใต้หล้า” ให้กับเขา

ไร้นามไตร่ตรองข้อความนั้น ตระหนักว่า กระบี่หักคิดว่าถ้าไม่มีอ๋องฉินรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่ง ความสูญเสียจะมากเป็นทวีคูณ อ๋องฉินฟังไร้นามกล่าวถึงกระบี่หักถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่ากระบี่หักจะเข้าใจเขา อ๋องฉินถามว่าไร้นามจะสังหารเขาอย่างไร ในเมื่อเข้าเฝ้าโดยไม่มีอาวุธ ไร้นามบอกว่า จะใช้ดาบของอ๋องฉิน อ๋องฉิน จึงโยนดาบให้ และพูดว่าสุดแท้แต่ว่าไร้นามจะตัดสินใจ แล้วยืนหันหลังให้ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับการที่อ๋องฉินได้เห็นอักษรคำว่า “กระบี่” ที่กระบี่หักเขียน และเกิดความเข้าใจลึกซึ้งในขณะนั้น  ไร้นามกำดาบแน่นกระโดดพุ่งเข้าใส่อ๋องฉินแต่ไม่ได้กะฆ่า แต่เขากลับปล่อยให้อ๋องฉินเป็นอิสระ ส่วนเขาเป็นคนที่กลับยอมตายเสียเอง

เราจะสังเกตเห็นว่าการใช้สีและองค์ประกอบศิลป์และการจัดแสงของเรื่องมีผลต่อความเคลือบแคลงและการซ่อนเร้นของเนื้อหา นับได้ว่าหนังเรื่องนี้สามารถใช้จุดเด่นของสีมาทำให้เกิดอารมณ์ดราม่าได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ละทิ้งแก่นแท้ของหนังจีนกำลังภายใน เพียงแต่ว่าแก่นที่ได้รับจะกลายเป็นข้อคิดเชิงปรัชญาของจีนมากกว่าแก่นของการใช้กำลัง

 

 

วิเคราะห์หนังจากทัศนผู้เขียน

เป็นการเล่าเร่องราวจากหลายแง่มุม บ่งบอกแต่ละส่วนด้วยโทนสีของฉากและการแต่งกาย พร้อมทั้งปรับสีของหนังไปด้วย ถือว่ากล้ามากที่จะใช้การเกลี่ยสีทั้งภาพตลอดฉากที่เล่า  แต่งานศิลป์กลับออกมาได้สวยงามตราตรึง มันเท่ มันcool มากๆ
นอกจากสีจะช่วยในเรื่องการตีความของบทแบบที่ จขกท เขียนไปแล้วนั้น สีในแต่ละช่วงยังช่วยขับอารมณ์ของหนังในแต่ละส่วนให้สอดคล้องกับการเล่าเรื่องของส่วนๆนั้นด้วย

สีน้ำตาล    เริ่มแรกเป็นฉากที่ไร้นามดวลกับฟ้าเวิ้ง ตัวละครเล่นหมากล้อมแล้วดวลกัน ซาวน์ประกอบใช้การขับร้องแบบจีนโบราณ ไม่มีเพลงประกอบ สื่อถึงการครุ่นคิด ตัดสินใจ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่การดวลกันพวกทหาร การเลือกชักกระบี่มาต่อสู้ การหยั่งเชิงโดยฟ้าเวิ้งใช้ทวนที่ยังไม่ถอดปลอก จนกระทั่งถอดปลอกทวน หรือแม้กระทั่งช่วงที่เลือกจะสวนกระบี่ใส่กันหรือไม่ทำ ฉากมักจะหยุดให้มีตัวเลือกเสมอ ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของแผนการ เพราะทั้งหมดต้องอาศัยทวนของฟ้าเวิ้งเป็นตัวเชื่อม

สีแดง     เริ่มฉากมาด้วยการเปิดตัวในโรงเรียน ยั่วยุให้เกิดความแตกแยก สื่อถึงความรุนแรง มีความขัดแย้งของสามีภรรยา มีการแสดงถึงรักที่ไม่สมหวัง มีเพศสัมพันธ์เพียงเพื่อประชดประชัน และจบด้วยสงคราม ห่าลูกธนู ตายยกโรงเรียน การแก้แค้น การฆ่าฟัน สุดท้ายฆ่ากันเองและถูกฆ่าเพราะจิตใจที่ไม่มั่นคง  การใช้ธีมสีแดงช่วยส่งอารมณ์ของหนังส่วนนี้ได้ดีมาก ทุกส่วนของหนังเต็มไปด้วยความุนแรง ความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลา ไร้นามได้ดาบทุกเล่มมาด้วยความรุนแรงทั้งนั้น

สีฟ้า       เริ่มฉากมาที่การนั่งคุยกันในห้องสมุด โชว์เพลงดาบว่องไวตัดชั้นหนังสือในพริบตา  สื่อถึงการเจรจา ประนีประนอม ไม่มีการฆ่ากันหรือทำร้ายกันด้วยอารมณ์โกรธแค้นหรือเสียใจ ทุกคนมีข้อเสนอและแนวทางของตนเอง และทุกคนก็ใช้วิธีการของตัวเองในการผลักดันแผนการร่วมกัน ทั้งไร้นามที่เสนอเพลงดาบ10ก้าว ดาบหักที่ยอมช่วยไร้นามแม้ต้องผิดใจกับหิมะเหิน หิมะเหินที่ชิงทำร้ายดาบหักเพื่อที่จะได้ไม่ไปประลอง และฉากการดวลกลางสระน้ำโคตรใส ที่การดวลยุติลงด้วยการปัดหยดน้ำให้ศพหิมะเหิน ละทิ้งการดวลและกระบี่ ไร้นามแม้มีโอกาสสังหารแต่ก็ยอมเบี่ยงวิถีกระบี่จนหน้าตัวเองเปียกน้ำ สื่อถึงการประนีประนอมในเส้นทางของแต่ละคน และสังเกตุได้ว่า ฉากในวังฉินอ๋องจะมีโทนแสงสีฟ้าแทรกอยู่ตลอด สื่อถึงการเจรจา

สีเขียว    เริ่มฉากมาคือเอาดาบชี้หน้ากัน แต่ดันอธิบายว่าตกหลุมรักกันซะงั้น  ฉากนี้สื่อถึงความสัมพันธ์และความคาดหวัง ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งเรียนเขียนอักษร เรียนเพลงดาบ ตะลุยวัง บทบรรยายถึงชีวิตในอนาคตหลังบรรลุเป้าหมาย ชีวิตครอบครัว ในช่วงของการดวลกับฉินอ๋อง จะเห็นว่าผ้าสีเขียวเต็มไปหมด แล้วค่อยๆขาดลงทีละอันๆ เหมือนกับการตัดสินใจของดาบหักที่ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมาย ความสัมพันธ์ยิ่งจบลง  จนเมื่อกระทั่งผ้าหล่นลงหมด และดาบหักติดสินใจไม่สังหารฉินอ๋อง ความสัมพันธ์กับหิมะเหินก็จบลงไปพร้อมกันนั้นด้วย คือเมียไม่พูดด้วยมา3ปีแล้ว

สีดำ     จะเห็นได้ว่าทั้งเรื่อง มีโทนสีดำคือชุดประจำตัวไร้นามและท่านอ๋อง ฉากจะอยู่ในท้องพระโรง สื่อถึงความกดดัน กดดันในการเปิดโปงแผนการ กดดันในตัวเลือกที่ต้องเลือก ชุดทหารแทบทั้งเรื่องจะมีสีดำ ไร้นามเมื่อทำภารกิจก็ใส่ชุดสีดำเสมอ เพราะมีความกดดันทุกขณะที่ต่อสู้ และดำเนินแผนการ แต่ในฉากห้องสมุด ไร้นามไม่เคยใส่ชุดสีดำเข้าไปเลย เนื่องจากนั่นคือการเจรจา ไม่ใช่ต่อสู้   ในฉากท้องพระโรงถึงแม้จะมีโทนสีดำแต่ก็มีสีน้ำเงินจากแสงตรงประตูสื่อถึงการเจรจา และสีแดงจากตัวอักษรกระบี่เป็นฉากสื่อถึงความรุนแรงและมุ่งร้ายแฝงอยู่ด้วย รีวิวหนังจีน