รีวิว The Killer นักฆ่า (2023) หนังแอ็คชั่น จากผู้กำกับ David Fincher

รีวิว The Killer นักฆ่า ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น เรื่อง The Killer นักฆ่า (2023) จากผู้กำกับ David Fincher ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ก่อนจะมาเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์เค้าโครงเรื่องนั้นได้พัฒนามาจาก นิยายของประเทศฝรั่งเศษเรื่อง The Killer เขียนโดย Alexis “Matz” Nolent วาดภาพโดย Luc Jacamon ซึ่งได้รับกระแสอย่างดี และได้เวลาเปิดตำนานบทใหม่จาก เดวิด ฟินเชอร์ กับหนังแนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่ได้ ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ นำแสดง กับบทบาทนักฆ่าที่มีกฎคือ ห้ามเห็นใจ ห้ามเชื่อใจใคร และห้ามสู้นอกเหนือคำสั่ง ติดตามรับชม The killer 2023 นัก ฆ่า พากย์ ไทย ได้ที่นี่ ดูหนังใหม่ คลิกเลยจ้า

อ่านบทความ รีวิวหนังจีน ซีรีส์จีน ได้ที่เว็บ reviewnungjeen

รีวิว The Killer นักฆ่า (2023) ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น จากผู้กำกับ David Fincher

รีวิว The Killer นักฆ่า (2023) เรื่องย่อ

The Killer นักฆ่า (2023) เป็นหนังแนวระทึกขวัญดาร์กสไตล์ David Fincher the killer เรื่องย่อ เล่าเรื่องราวของมือสังหารคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา นั่นคือการเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง หนังนี้เป็นผลงานการเขียนบทและกำกับของ David Fincher และนำแสดงดดย ไมเคิล ฟาสเบนเตอร์ ในบทบาทของมือสังหารดังกล่าว

ปารีส เมืองที่ตื่นไม่เหมือนกับเมืองอื่นในสายตาของ The Killer (Michael Fassbender) ที่รับงานมาเพื่อสังหารใครสักคนที่ไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นใครมาจากไหนตามคำบอกกล่าวของเขา  แล้วการปฏิบัติการสังหารโดยละเมียดก็ถึงเวลาแต่เวลาเพียงเสี้ยววินาทีทำให้กระสุนที่พุ่งไปหาเป้าหมายถูกขัดขวางโดยเหยื่ออีกคน  เมื่อทำงานพลาด The Killer จึงต้องหลบหนีด้วยความชำนาญและเขากลับไปยังสาธารณรัฐโดมินิกันที่เป็นที่กบดานของเขา

แต่บางครั้งในเส้นทางของมือสังหารถ้าทำงานพลาดก็จะกลายเป็นเป้าหมายเพราะเมื่อเขากลับมาถึงบ้านก็พบว่าบ้านของเขาถูกบุกรุกและคนที่รับเคราะห์แทนคือแฟนสาวของเขาที่ต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่า  และแล้วเมื่องานที่ทำนอกบ้านย้อนกลับมาหาคนในบ้านเขาจึงต้องตามสะสางจากปากคำของน้องชายแฟนว่ามีนักฆ่าสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง  ในทีสุดนักฆ่าผู้ที่พยายามไม่เป็นจุดเด่นและกลมกลืนไปกับทุกสถานที่ก็ต้องออกตามล่าคนที่ทำร้ายหัวใจของเขาโดยเริ่มจากการค้นหาที่ต้นตอนั่นคือนายจ้างของตัวเองแล้วการทวงแค้นครั้งนี้ก็เริ่มต้นขึ้น

รีวิว The Killer นักฆ่า (2023) ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น จากผู้กำกับ David Fincher

สิ่งที่น่าสนใจในหนัง The Killer นักฆ่า

หนัง นักฆ่า netflix เริ่มต้นที่นักฆ่านิรนามคนหนึ่ง (Michael Fassbender) กำลังบอกเล่าถึงอาชีพของตัวเองอยู่บนตึกสูงเพื่อรอให้เป้าหมายปรากฏตัว เขาสอดส่องสายตาไปยังผู้คนเบื้องล่างพลางพูดถึงวัฏจักรของมนุษย์ หลังจากนั้นก็ออกกำลังกายและลงไปหาอะไรกินเพื่อฆ่าเวลา แต่แล้วเมื่อเป้าหมายเข้าที่เหมาะแก่การลอบสังหารเขากลับยิงพลาดจนทำให้งานที่รับมาต้องล้มเหลวเป็นครั้งแรก

ในหลายๆ ทาง The Killer ดูมีกลิ่นอายที่ละม้ายคล้ายคลึงกับ Fight Club (1999) โดยเฉพาะการที่หนังวางกลไกการรู้แจ้งผ่านการเป็นคนทำผิดกฎหมาย ใน Fight Club ตัวละครของ Edward Norton ค้นพบอิสระที่แท้จริงด้วยการทำสิ่งนั้น เพียงแต่ตัวละครของ Michael Fassbender ใน The Killer การทำผิดกฎหมายเป็นแค่งานไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างในชีวิต

Fincher ได้แสดงให้เห็นว่าในมุมเล็กๆ ของนักฆ่า นอกจากเป้าหมายและกิจวัตรประจำวันอันแสนน่าเบื่อ ความรักกลายเป็นสิ่งผลักดันการกระทำต่างๆ โดยเฉพาะการตามหาลูกค้าหลังจากที่ทำงานพลาด เพราะในอีกทางอาชีพนักฆ่าก็เป็นสิ่งที่ผูกมัดอิสรภาพของเขาและความปลอดภัยของเธอ

รีวิว The Killer นักฆ่า (2023) ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น จากผู้กำกับ David Fincher

David Fincher ผู้กำกับที่ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง

David Fincher เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง หนังของเขามักเด่นชัดในแง่ของคอนเซปต์มากกว่าการเล่าเรื่อง แต่ในบางครั้งมันก็ตรงข้ามด้วยเช่นกัน เขาเป็นผู้กำกับที่สลับโหมดการทำหนังของตัวเองได้อย่างคล่องแคล่วเมื่อต้องคำนึงถึงแพลตฟอร์มในการนำเสนอ ที่สำคัญยังรู้อีกว่าตอนไหนควรพอ ตอนไหนควรเล่า เล่าแบบไหน และตอนไหนควรปล่อยพื้นที่ให้คน ดูหนัง the killer 2023 นักฆ่า ได้จินตนาการ

The Killer เป็นผลงานเรื่องล่าสุดของ Fincher ที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพฝรั่งเศสชื่อเดียวกันของ Alexis ‘Matz’ Nolent วาดภาพโดย Luc Jacamon และตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1998 โดยการนำมันมาทำเป็นบทหนังในครั้งนี้ก็ได้ Andrew Kevin Walker จาก Se7en (1995) กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง

แม้หนังจะได้ Andrew Kevin Walker จาก Se7en มาช่วยเขียนบท แต่ Fincher ก็ไม่ได้เล่าหนังเรื่องนี้ด้วยท่าทีที่หวือหวาหรือมีฉากที่เอาเป็นเอาตายกับคนดูและตัวละคร กลับกันเขาเลือกที่จะให้มันดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ทั้งสถานการณ์ จังหวะจะโคน รวมไปถึงการเดินทางต่างๆ ที่กลายเป็นตัวกำหนดทิศทางของหนัง

ข้อสำคัญมันเป็นหนังนักฆ่าที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงมากกว่าความแฟนตาซีที่ในปัจจุบันหนังแนวนี้มักมีภาพจำมาจาก John Wick ของ Chad Stahelski ที่ตัวเอกเต็มไปด้วยความเก่งกาจเกินบรรยาย นัยหนึ่ง The Killer จึง ดูหนังthe killer 2023 เหมือนหนังที่ถูกทำออกมาเพื่อขัดง้างกับสิ่งเหล่านั้นไปโดยปริยาย

และการสร้างตัวละครของ Fassbender ให้ดูเป็นเนื้อเดียวกับพื้นหลังของยุคสมัยใหม่ด้วยการไม่ให้เขาใส่สูทดำ แต่แต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวเยอรมัน สวมหมวกที่ดูเรียบร้อย และซื้อแมคโดนัลด์ไปกินก่อนทำงาน ก็ทำให้ความเป็นนักฆ่าของเขาดูกลมกลืนกับสังคมไม่ต่างจากคนทั่วไป ซึ่งความตายที่แฝงอยู่ในความธรรมดานี้เองก็เป็นสิ่งที่ยากจะแยกแยะด้วยตาเปล่า

แต่ถึงกระนั้นนิสัยของตัวละครก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านอกจากจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Alain Delon ที่เล่นเป็นนักฆ่าหน้านิ่งในหนังเรื่อง Le Samouraï (1967) ของ Jean-Pierre Melville ผู้กำกับอย่าง Fincher อาจสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาเพื่อจิกกัดความเป็น Perfectionist ของตัวเอง

และการจะมองว่า The Killer เป็นโชว์เดี่ยวต้อนรับการกลับมาของ Fassbender ในรอบ 4 ปีก็คงไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงนัก หนังพึ่งพาการแสดงของเขาที่ต้องสวมบทเป็นนักฆ่าที่ชอบร่ายสรรพคุณความเชื่อและคติในการทำงานตลอดทั้งเรื่อง ที่สำคัญมันเล่าถึงสภาวะแวดล้อมของตัวละครโดยตัดปัจจัยอื่นๆ ออกจนหมดเหลือเพียงแค่เป้าหมาย และเสียงในใจที่เปรียบดั่งกฎเหล็กของนักฆ่าที่สมบูรณ์แบบ

ความคมคายของ Fincher อยู่ตรงที่ทั้งหมดดู ‘ย้อนแย้ง’ กับสิ่งที่ตัวละครกำลังนึกคิดทุกประการ ความเป็นหัวขบถที่หนังแสดงออกมาทำให้เห็นว่าทุกความเชื่อไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นกฎเหล็กหรือกฎหมาย ในทางหนึ่งชีวิตที่ดำเนินไปตามขนบและค่านิยมจึงเป็นเพียงแค่เรื่องงมงายที่สังคมเป็นคนกำหนดขึ้นมา

แต่กลเม็ดเด็ดพรายของเขาในหนังเรื่องนี้คือการพูดถึงระบบชนชั้นของบริษัทผ่านการเดินทางของนักฆ่าที่ไล่ตั้งแต่นายจ้างไปจนถึงลูกค้า ที่ด้านหนึ่งมันสะท้อนว่าตัวของเขาอาจไม่ได้เป็นสิ่งอื่นใดนอกเสียจากพนักงานตัวเล็กๆ ที่ต้องคอยทำงานรับใช้อุตสาหกรรมที่คละคลุ้งไปด้วยความตาย และความเป็นระบบระเบียบก็ไม่ใช่สิ่งที่ดูเลิศหรู เพราะคนที่ทำตามกฎเหล่านั้นอย่างเคร่งครัดอาจไม่ได้มีแค่เขาเพียงคนเดียว

การพร่ำพูดถึงความตายทำให้เห็นว่าตัวละครของ Fassbender ที่อยู่ในฐานะนักฆ่าวันนี้ วันหน้าเขาก็อาจถูกฆ่าด้วยเช่นกัน และการยอมรับสิ่งเหล่านั้นได้คงเป็นแก่นแท้ของปรัชญาในเรื่องราวนี้ เช่นเดียวกับการที่หนังเลือกใช้ There Is A Light That Never Goes Out ของ The Smiths เป็นเพลงปิดม่านการเดินทางของเขา

รีวิว The Killer นักฆ่า

อย่างไรก็ตาม การที่หนังวางตัวละครของ Fassbender ให้ไม่มีชื่อก็เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับในตอนท้ายที่พรรณนาถึงเส้นทางชีวิตว่าเขาไม่ได้เป็นคนพิเศษ หากแต่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาเหมือนกับคนส่วนใหญ่ นัยหนึ่งหนังได้สำแดงให้เห็นถึงสิ่งนั้นด้วยภาพของการทำงานที่หมายมั่นว่าวันหนึ่งจะประสบความสำเร็จ และไม่ว่าจะอยู่หรือตายหลังจากที่หนังจบไปแล้วความสำคัญของเขาก็อาจไม่ได้มีมากเท่ากับคนที่เป็นหัวเรือของบริษัท

หนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากหนังแนวนักฆ่าทั่วไปที่ถ้าไม่ฆ่าก็ถูกฆ่าแล้วต้องตามมาทวงแค้น  แต่ David Fincher เลือกเล่าด้วยความละเอียดละเมียดไม่โฉ่งฉ่างด้วยการแบ่งเป็นบทให้เรื่องเดินไปไม่ต่างจากการอ่านหนังสือ  โดยโฟกัสไปที่ตัวละคร The Killer กับการทำงาน วิธีคิด กฎเหล็กของคนที่ทำงานแบบนี้ประหนึ่ง The Killer มาเล่าเรื่องหรือมาสอนให้คนดูประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เขาเป็น  ซึ่งก็คือการแสวงหาแนวร่วมทางความคิดด้วยการเล่าผ่านความคิดที่ไม่มีทางที่จะไม่คิดตามแถมยังค่อยๆเล่าจนเมื่อถึงเวลาที่ต้องจัดการคนที่ขวางหน้าทีละคนก็คือมีความชอบธรรมเพราะก็ท่องกฎเหล็กให้ฟังตลอดเวลา  ความง่ายของพล็อตเรื่องจึงมีที่ไปไม่ลืมที่มาเพราะเล่าเรียงเวลาไปเรื่อยๆไม้ต้องซับซ้อนแต่แม้จะเป็นเช่นนั้นกลับมองหาช่องโหว่ไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงจูงใจหรือการเชื่อมโยงเรื่องราวจากคนหนึ่งไปหาคนหนึ่ง  จึงเป็นการเขียนบทที่เหมือนเรียบง่ายแต่มีทุกอย่างที่บทหนังชั้นยอดพึงมี

ความเงียบงันที่แสนอำมหิต เพราะสามารถจัดการอารมณ์จนจมดิ่งด้วยความนิ่งและเงียบจนกลั้นหายใจตามสร้างความเร้าใจสุดขั้วและความเร้าใจที่ถูกกดนั้นเป็นตั้งแต่ต้นจนจบชนิดที่ไม่มีเวลาให้หายใจคล่องจึงเป็นความอำมหิตในการจัดการอารมณ์  เช่นเดียวกับการจัดการกับคนแต่ละคนที่เริ่มไปทีละคนด้วยวิธีการต่างกันที่มีทั้งจัดการด้วยความโหดไม่มีปราณีเพราะความปราณีและใจอ่อนจะย้อนมาทำร้ายตัว  แล้วยังมีด้วยการอัดกันมันส์ให้สะใจตามแต่คู้ต่อสู้ที่ต้องไปจัดการแล้วยังมีเชือดเฉือนกันทางคารมด้วยบทสนทนาที่เล่าเรื่องตลกแต่สถานการณ์มันตลกไม่ออก  แล้วด้วยความที่ตัวละครเป็นพวกไม่แสวงหาแสงคือกลมกลืนไปกับพื้นที่ไม่ขับรถที่โดดเด่นไม่ทำอะไรเป็นจุดเด่นความน่าเชื่อถือในบทนักฆ่ายิ่งตามมาเต็มที่  แถมด้วยถ้าจะจัดการก็จัดไปเลยไม่ต้องคิดมากเพราะสัญชาตญาณและกฎเหล็กของตนเองบังคับไว้ทำให้การไม่เลือกไปทางดุเดือดกลายเป็นจุดเด่นเพราะเรื่องของอารมณ์  ซึ่งความเงียบและประหยัดถ้อยคำอธิบายคือการสร้างจินตนาการแล้วเมื่อจินตนาการได้ยิ่งเห็นว่าในความธรรมดานี่ล่ะที่น่ากลัว

บทสรุปหลังรับชม The Killer นักฆ่า

ในด้านการแสดงนั้นอาจสามารถเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ Michael Fassbender มาแบบข้ามาคนเดียวก็ยังได้  เพราะหนังเล่าผ่านความคิดของเขาแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำผ่านความน่าเชื่อถือของมือสังหารที่เหมือนคนธรรมดาที่ไม่เป็นจุดสังเกตได้อย่างยอดเยี่ยม  ซึ่งต่อให้ไม่มีความลึกมากมายในเรื่องของมิติตัวละครคือเล่าผ่านความคิดของตัวละครแต่กลับแสดงออกมาได้อย่างที่เห็นก็รู้สึกถึงความธรรมดาแต่พอสบตาก็รู้สึกบางอย่าง  กระนั้นก็ไม่ใช่ว่า Michael Fassbender จะเป็นนายแบกเพราะเมื่อถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับนักแสดงคนอื่นทุกคนก็มีเวลาที่ดีของตัวเองแต่ที่ต้องชื่นชมอย่างยิ่งคือ Tilda Swinton ที่เชือดเฉือนทางคารมจนมีฉากที่ต้องประทับใจในร้านอาหาร  ด้วยความอึดอัดกดดันสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านและจับสัมผัสได้ว่าตัวละคร The Killer มีความไม่มั่นใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเธอ  จึงเท่ากับว่า Michael Fassbender เป็นเสาหลักโดยที่มีกิ่งก้านสาขาที่ยอดเยี่ยมมาสมทบ

โดยรวม The Killer จึงเป็นหนังที่ดูจบแล้วมันอาจสร้างบทสนทนาและคำถามให้ได้ไปถกเถียงกันต่อ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวคิดทางปรัชญาของหนังสามารถตีความได้หลายแบบ แต่ส่วนที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ มันอาจสะกิดถึงความขำขื่นในชีวิตของใครหลายคน ที่ไม่มากไม่น้อยก็ชวนให้ย้อนดูว่าแท้จริงแล้วเราเป็นคนส่วนไหนในสังคมกันแน่

นักแสดง The Killer

ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ รับบท The Killer , อาร์ลิส ฮาวเวิร์ด รับบท The Client – Claybourne , ชาร์ลส์ พาร์เนลล์ รับบท The Lawyer – Hodges , เคอร์รี โอมาลลีย์ รับบท Dolores , ซาลา เบเกอร์ รับบท The Brute , โซฟี ชาร์ล็อตต์ รับบท Magdala , ทิลดา สวินตัน รับบท The Exper

รีวิว Daily Dose of Sunshine