รีวิว The Last Emperor

แนะนำหนังจีน องค์จักรพรรดิเด็กให้ได้รับชมกันครับ สำหรับวันนี้  เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติของจักรพรรดิผู่อี๋ จักรพรรดิพระองค์สุดท้ายของจีน ออกฉายในวันที่18 พฤศจิกายน 1987กำกับการแสดงโดยแบร์นาโด แบร์โตลุชชี ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิตาลี เนื้อหาหลักของภาพยนตร์จะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิผู๋อี้โดยตรงตั้งแต่สิ้นสมัยการปกครองของซูสีไทเฮาช่วงผู๋อี้ขึ้นครองราชย์ ช่วงชีวิตวัยเด็กที่ต้องอาศัยอยู่ในเขตพระราชวังต้องห้าม ช่วงที่ปกครองแมนจูกัวจวบจนบั้นปลายชีวิตของจักรพรรดิผู๋อี๋ที่อาศัยอยู่เยี่ยงนักโทษการเมืองและสามัญชน เนื้อหาทั้งหมดของของภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงเพราะฉะนั้นจึงไม่มีข้อโต้แย้งเรื่องความถูกต้องทางประวัติศาสตร์เหมือนภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่องอื่นๆ ตามไปดูต่อได้ที่ เว็บดูหนัง

The Last Emperor เป็นผลงานการกำกับของ Bernardo Bertolucci ผู้กำกับชาวอิตาลี เนื้อเรื่องเล่าถึงชีวิตของ “จักรพรรดิผู่อี๋” ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งจากพระนางซูสีไทเฮาให้เป็นจักรพรรดิด้วยวัยเพียง 3 พรรษา เนื่องด้วยประเทศจีนในช่วงนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองหลายรูปแบบ ตัวจักรพรรดิผู่อี๋เองก็ยังเด็กมากจึงถูกบังคับให้สละราชสมบัติ แต่ก็ยังมีฐานะเป็นจักรพรรดิที่อยู่หลังกำแพงพระราชวังต้องห้าม เขาไม่เคยได้ออกมาเห็นโลกภายนอก อีกทั้งต้องทำตามสิ่งที่เหล่าขันทีและพระสนมแนะนำโดยไม่มีสิทธิออกความคิดเห็น แม้กระทั่งการเลือกคู่ชีวิตของตนเอง เนื้อเรื่องดำเนินสลับไปมาระหว่างชีวิตในวัยเด็กที่เขาอาศัยอยู่ในพระราชวังต้องห้าม และชีวิตของจักรพรรดิผู่อี๋ที่กลายเป็นนายผู่อี๋ในสถานกักกันแห่งหนึ่งในสาธารณะรัฐประชาชนจีน ทำให้คนดูอย่างเราอยากจะรู้ต้นและจับมาชนกับปลายลำดับชีวิตของเขา จึงทำให้ 3 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ในโรงหนังไม่น่าเบื่อเลยสักวินาทีเดียว เว็บดูหนังฟรี

 

 

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : The Last Emperor

ชื่อภาษาไทย :  จักรพรรดิโลกไม่ลืม

ผู้กำกำกับ : Bernardo Bertolucci

ผู้สร้าง : Jeremy Thomas

ผู้เขียนบท :  Mark Peploe and Bernardo Bertolucci

ผู้แสดง :John Lone – Pǔyí (adult) Joan Chen – Wan Jung Peter O’Toole – Reginald Johnston Ying Ruocheng – Detention Center Governor Victor Wong – Chen Baochen

Dennis Dun – Big Li Ryuichi Sakamoto – Amakasu Masahiko Maggie Han – Eastern Jewel (Yoshiko Kawashima) Ric Young – Interrogator Vivian Wu – Wen Xiu Cary-Hiroyuki Tagawa – Chang Jade Go – Ar Mo

Fumihiko Ikeda – Colonel Yoshioka Richard Vuu – Puyi (3 years old) Tijger Tsou – Puyi (8 years old) Wu Tao – Puyi (15 years old) an Guang – Pujie (adult), Puyi’s younger brother Henry Kyi – Pujie (7 years old)

Alvin Riley III – Pujie (14 years old) Lisa Lu – Empress Dowager Cixi Hideo Takamatsu – General Ishikari Hajime Tachibana – Japanese Translator Basil Pao – 2nd Prince Chun, Puyi’s father Henry O – Lord Chamberlain

 

 

รีวิว The Last Emperor-1

 

เคยจำได้จากการเรียน(แบบนกแก้วนกขุนทอง)ว่าจักรพรรดิองค์สุดท้ายคือ กษัตริย์ผู่ยี และเป็นกษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชันษาที่น้อยที่สุด เคยได้ยินว่ามีหนังเรื่องนี้อยู่ แต่ก็ไม่ได้ขวนขวายหามาดู ใครที่ยังไม่ได้ดู ต้องไปดูที่ เว็บดูหนัง

แต่ช่วงนี้เห็นมีคนเขียนถึง เลยคิดว่าครั้งนี้ต้องไม่พลาด แล้วก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดพลาดจริงๆ 31 ปีแล้ว แต่ยังคงความงดงาม การเรียบเรียงเรื่องราว การนำเสนอ องค์ประกอบศิลป์ ดนตรีประกอบ นักแสดง การสร้างภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชนชาติที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอารยธรรมหลักของโลกเช่นประเทศจีน แต่เรื่องนี้ก็นำเสนออกมาได้อย่างดี (คงไม่สามารถบอกได้ว่าถูกต้องตรงตามประวัติศาสตร์หรือเปล่า แต่คิดว่าเนื้อเรื่องได้ให้ถ่ายทอดช่วงเวลาที่สำคัญได้อย่างครอบคลุม)

นี่เป็นการดูหนังอีกครั้งที่ทำให้เปิดโลก ได้ความรู้ในเรื่องที่เราเคยรู้แล้วในรายละเอียดที่มากขึ้น การกระตุ้นความอยากรู้ในจุดที่หนังยังไม่ได้ให้คำตอบเราทั้งหมดหรือให้เรากลับไปทำความเข้าใจในประวัติศาสตร์ที่เกิดในช่วงเวลานั้นๆใหม่ เรื่องราวถูกการเรียบเรียงถ่ายทอดสลับระหว่างชีวิตตอนเป็นจักรพรรดิและชีวิตในช่วงที่เป็นนักโทษทางการเมือง แต่ด้วยการเล่าแบบนี้ทำให้เรื่องน่าติดตาม และทำให้เรามองเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เนื้อหาของหนัง แต่เรากำลังอยุ่ในความทรงจำของจักรพรรดิผู่ยีด้วย

มีหลายช่วงที่ชอบเป็นพิเศษ บทสนทนาของจักรพรรดิผู่ยีกับอาจารย์ในการเจอกันครั้งแรก ตอนที่ถูกขับออกจากวัง และตอนที่ได้ก้าวออกจากรั้วพระราชวังต้องห้ามเป็นครั้งแรก ที่แมนจูโกว ตอนที่จักรพรรดิผู่ยีพยายามพูดถึงสถานะทางการเมืองของจีนและญี่ปุ่นที่เป็นเอกราชต่อกัน แต่ทุกคนทั้งฝั่งญี่ปุ่นและแมนจูเดินออกจากห้องไป ตอนที่พยายามยกเรื่องลูกมาต่อรองกับญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นก็รู้ว่าจักรพรรดินีทรงครรภ์กับคนอื่น ตอนที่กำลังลี้ภัยไปโตเกียว และจันพรรดินีกลับมาในสภาพคนที่ติดฝิ่นเรื้อรังและเลือกที่จะไม่ไปด้วยกันตอนที่นักโทษ 981 ได้รับการปล่อยตัว และตอนจบ ที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องนี้จะทำให้ร้องไห้ได้มากขนาดนี้

 

รีวิว The Last Emperor-2

 

รีวิว The Last Emperor เนื้อเรื่อง

หนังเล่าผ่านสายตาของผู่อี๋ ทั้งยังเป็นความตั้งใจของแบร์โตลุชชี่ที่จะให้ใช้มุมภาพที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ของผู่อี๋ โดยไม่ต้องแสดงความยิ่งใหญ่อลังการให้ผิดรูป ผู้ชมจึงได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกับที่ผู่อี๋เผชิญ กำแพงวังกั้นกลางผู่อี๋กับโลกภายนอกเช่นใด ผู้ชมก็ไม่ได้รับการอธิบายถึงเหตุการณ์ภายนอกเฉกนั้น มันจึงเป็นหนังที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่งวยงงสำหรับผู้ที่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ยุคเปลี่ยนผ่านของจีนอันแสนวุ่นวาย ซึ่งก็คือความรู้สึกของผู่อี๋เช่นเดียวกัน และเชื่อว่าหลังหนังจบจะเชื้อเชิญผู้ชมให้ลองศึกษาบทเรียนทางประวัติศาสตร์จีนนี้เพื่อตอบข้อข้องใจและเข้าใจในสภาพของผู่อี๋ในแต่ละช่วงวัยมากขึ้นอย่างแน่นอน รีวิวหนังจีน

 

 

เนื้อเรื่อง ตอนที่เข้มข้นที่สุดคือช่วงหลังจากที่จักรพรรดิผู่อี๋อภิเษกสมรส ต้องออกจากพระราชวังต้องห้ามตามคำสั่งของพวกทหารที่เขามายึดอำนาจ เขาต้องเสียเงินทองมรดกจำนวนมากเพื่อผูกมิตรไมตรีกับพวกนายพลญี่ปุ่น ด้วยความไม่มีอิสระทางความคิดตั้งแต่เด็กก็ยิ่งทำให้ผู่อี๋เริ่มอยากจะปกครองและมีสิทธิมีเสียงเป็นของตนเอง เขาตัดสินใจผูกมิตรกับจักรพรรดิของญี่ปุ่น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังทำร้ายแมนจูกัว ประเทศอันเป็นที่รักของตนและเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษที่ใช้ระบบฮ่องเต้ปกครองประเทศจีนมาแล้วกว่า 4,000 ปี รู้ตัวอีกทีเขาก็หมดสินแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งคนที่เขารักและไว้ใจอย่างพระมเหสี หรือยศถาบรรดาศักดิ์ กลายเป็นนายผู่อี๋คนสวนในช่วงปลายของชีวิตนั่นเอง

ความน่าทึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือความกลมของการเล่าเรื่อง เพียงแค่เห็นฉากปูยีขี่จักรยานร่วมกับสามัญชนคนอื่นๆ ในฐานะคนสวนไร้ยศศักดิ์คนหนึ่ง เราก็ไม่อาจตัดสินได้เลยว่าชีวิตก่อนหน้าหรือช่วงเวลาของเขาในระบอบการปกครองใหม่แบบไหนเรียกได้ว่ามีอิสระมากกว่ากัน

ตลอดทั้งเรื่องก่อนที่จะมาถึงยังฉากตอนนี้ เราได้เห็นทั้งความฟุ้งเฟ้อในการใช้ชีวิต อิสรภาพที่ถูกพรากไป ความเอาแต่ใจไม่แยแสผู้อื่น และชะตาชีวิตที่ไม่อาจเลือกเอง ยากจะบอกว่าเขาน่ารังเกียจ น่าเคารพ หรือน่าสงสาร เพราะเมื่อหลากแง่มุมของเขาถูกแผ่ออกให้เราเห็น เขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งไม่ต่างจากเรา

 

 

หนังเรื่องกวาดรางวัลออสก้าไปเพียบ

The Last Emperor กวาดรางวัลออสการ์ในทุกสาขาที่ส่งเข้าชิงรวมทั้งหมด 9 รางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม, กำกับภาพยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, และดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมโดย ริวอิจิ ซากาโมโตะ ไม่ว่าจะเป็นเพลง First Coronation, The Last Emperor หรือ Rain (I Want a Divorce) ล้วนมีส่วนเกื้อหนุนกับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี และส่งผลให้ซากาโมโตะและแบร์โตลุชชี ได้ร่วมงานกันอีกในภาพยนตร์เรื่อง The Sheltering Sky และ Little Buddha

อีกเรื่องหนึ่งที่ทำได้เด่นไม่แพ้กันเลยคือเครื่องแต่งการของนักแสดง ตอนเรานั่งดูยังแอบคิดอยู่ในใจเลยว่านั่นผ้าไหมนิ ลงทุนไปเท่าไหร่กันนะกว่าจะทำออกมาได้สวยขนาดนี้ จึงไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมมาค่ะ ปรากฏว่า “เราโดนหลอก” เจมส์ แอชีสัน ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้นักแสดงกว่า 10,500 ชิ้น เล่าว่าด้วยงบประมาณที่จำกัดทำให้ไม่สามารถใช้ผ้าไหมในการตัดเครื่องแต่งกายให้นักแสดงได้ครบ เขาจึงใช้เทคนิคการใช้ด้ายอลูมิเนียมปักลงไปบนผ้าไหมเทียม แล้วนำมาเคลือบด้วยโลหะบางๆ อีกชั้นเพื่อให้เกิดประกายเมื่อกล้องจับ (ข้อมูลจาก Documentary) แน่นอนว่าผลงานระดับนี้ทำให้เขาเป็นเจ้าของออสก้าร์สาขาเครื่องแต่งกายไปเลยทันที

หากชอบรีวิวหนังจีนดีๆแบบนี้ สามารถติดตามได้ที่ รีวิวหนังจีน