ใหม่ ดาบมังกรหยก

นับเวลาถอยหลัง เพื่อรับอรรถรส การชมภาพยนตร์แห่งตำนานอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ อลังการงานสร้าง นวนิยายกำลังภายในชื่อดัง โดย กิมย้ง อย่าง ดาบมังกรหยก 1 New Kung Fu Cult Master 1 ที่ MONOMAX (โมโนแมกซ์) ผู้นำดูหนังออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์ ในเครือ โมโน เน็กซ์ เตรียมนำมาลงจอให้ได้ชมอย่างเต็มรูปแบบ ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ รับชใมก่อนใคร ที่ ดูหนังออนไลน์

แฟนๆ ดาบมังกรหยก สามารถชม ดาบมังกรหยก 1 New Kung Fu Cult Master 1 ได้พร้อมกันในวันที่ 11 มี.ค.นี้ ต่อเนื่องด้วย ดาบมังกรหยก 2 New Kung Fu Cult Master 2 ภาคจบได้ในวันที่ 18 มี.ค.นี้  ทาง MONOMAX (โมโนแมกซ์)

ผู้อำนวยการธุรกิจดูหนังออนไลน์ บริษัท โมโน สตรีมมิ่ง จำกัด หรือ โมโนแมก ในเครือโมโน เน็กซ์ ถือฤกษ์ดีเป็นประธานปล่อยขบวณรถแห่  ซึ่งเริ่มต้นขบวนความสุขจากศาลเจ้าพ่อจุ้ยตลาดบางบัวทอง, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สยาม, สยามพารากอน, โรงพยาบาลตำรวจ, แยกสีลม, สามย่าน, ดรากอนทาวน์, สะพานขาว,  เยาวราช, คลองสาน,  ล้ง 1919 และปิดท้ายที่ ไชน่าทาวน์ ศาลายา ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนคนรักภาพยนตร์จีนอย่างอบอุ่น พร้อมตอบรับเตรียมตัวชมภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด ขอเรียกกระแสเล่นใหญ่จัดเต็ม ด้วยการทุ่มทุนโปรโมทภาพยนตร์ในตำนานจักรวาล กิมย้ง นำโดย เตียบ่อกี้, เตียงเมี่ยง, จิวจี้เยียก, เจียซุ่น และ เตียซำฮง ยกพลนำทัพตัวละครทะลุจอมาโผล่กลางกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้แฟน ๆ ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเซอร์ไพรส์นี้อย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง โดยมี คุณหทัยทิพย์ หมัดจุ้ย เว็บดูหนังฟรี

 

ใหม่ ดาบมังกรหยก-1

 

ใหม่ ดาบมังกรหยก ในขณะนั้น ทางผู้กำกับเผย

เท่าที่จำได้ ผมไม่เคยดูหนังแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นเลยนะครับ เต็มที่ก็แค่น้ำตาคลอหรือซึมๆ ออกมา และครั้งสุดท้ายที่เป็นอย่างนั้นก็นานเสียจนผมจำไม่ได้แล้วว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จนกระทั่งล่าสุดได้มาดู Better Days ของผู้กำกับ ดีเร็ก เจิ้ง (เจิ้งกัวจาง) นี่แหละครับที่ มันมาเหมือนกันนะครับ ไอ้ความรู้สึกจุกๆ ในลำคอ น้ำตาคลอหน่วยแบบนี้ แต่ยังไม่ถึงกับไหลออกมาหรอกครับ โตแล้ว คงไม่มีอะไรแบบนั้นแล้ว

พูดถึง Better Days นี่ก็ถือว่าเป็น หนังที่มี ความน่าสนใจ เป็นอย่างมาก ในแง่ผลตอบรับ พอสมควรเลยนะครับ ทั้งที่ในตอนแรกหนังเกือบไม่ได้ฉายเนื่องจากกองเซนเซอร์จีนไม่อนุมัติ แต่หลังจากนั้นก็อนุญาตให้หนังเรื่องนี้เข้าฉายได้ตามปกติ ก่อนที่มันจะสร้างปรากฏการณ์ด้วยการทำรายได้เปิดตัวมากกว่า 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  เอาชนะภาพยนตร์ ระดับบล็อก บัสเตอร์ ของฮอลลีวูด ที่เข้าโปรแกรมไล่เลี่ย กันอย่าง

Terminator Dark Fate หรือแม้กระทั่ง Joker และ Maleficent: Mistress of Evil ได้อย่างน่าชื่นชม แถมทำเงินจาก การฉายแบบ จำกัดโรงที่อเมริกา อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

ได้มากกว่า 222 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมากกว่าตัวเลขรายได้ก็คือ กระแสตอบรับจากที่ผู้ที่ได้ชมหนังเรื่องนี้ที่ส่วนใหญ่ชื่นชมครับ ยังหาคนที่ไม่ชอบไม่เจอ ทุกเรื่องทำได้ ดีมากจริงๆ

และสร้างความกดดันให้เด็กอย่างมหาศาล หนังเรื่องนี้สะท้อนภาพการแข่งขันของเด็กทั่วประเทศในการเอาชนะ “เกาเข่า” ซึ่งเปรียบเสมือนสงครามย่อมๆ ของเด็ก เพราะมันสร้างทั้งความคาดหวังหนักอึ้งให้เด็กแบกไว้บนบ่า ก่อให้เกิดปัญหาตามมานับไม่ถ้วน รวมทั้งปัญหาใหญ่อันได้แก่การกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนหรือที่เราเรียกกันว่าการ “บุลลี่” ซึ่ง Better Days สะท้อนภาพนี้ออกมาได้อย่างตรงประเด็นและตั้งคำถามจี้ใจดำกับสังคมหลายอย่าง

ทั้งจากทางการเองรวมทั้งจากคนที่เป็นผู้ปกครองเด็ก ผมว่านี่ประเด็นที่ทำให้กองเซนเซอร์ที่จีนคิดหนักเพราะมันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของระบบการศึกษาและสภาพสังคมซึ่งทำให้เด็กแก่งแย่งแข่งขันกันจนเกินไป จึงเป็นที่มาของการไม่อนุมัติให้ฉายในตอนแรกนั่นเอง หากว่ากันในแง่แมสเสจของหนัง ก็ถือว่า Better Days เป็นหนังที่หนักอึ้งและตีแผ่สังคมอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันเป็นการเปิดตาเปิดใจผู้ชมให้รับรู้สิ่งที่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน นั้นทำให้ Better Days กลายเป็นหนังที่ใครๆ ก็อยากดู

 

อะไรทำให้ Better Days ได้รับการตอบรับที่ดี

เอาทีละเรื่อง เริ่มจาก “สาร” หรือแมสเสจสำคัญที่หนังถ่ายทอดออกมา Better Days ซึ่งสร้างมาจากนิยายเรื่อง In His Youth, In Her Beauty ของ จิ่วเยวี่ยซี นั้นนำเสนอประเด็นที่แหลมคมและท้าทายทางการจีนมากๆ นั่นก็คือเรื่องการสอบ “เกาเข่า” ซึ่งก็คล้ายๆ การสอบเอ็นทรานซ์บ้านเรานี่แหละครับ เพียงแต่ว่าโหดหินกว่าหลายเท่า  ต่อมาคือเรื่องฝีมือการกำกับภาพยนตร์ของ ดีเร็ก เจิ้ง (เจิ้งกัวจาง)

ที่แม้จะเล่าเรื่องหนักๆ อยู่ตลอดสองชั่วโมงกว่า แต่การทำให้มู้ดโดยรวมมันเป็นหนังโรแมนติกผสมดราม่าของเขายอดเยี่ยมมากครับ จังหวะจะโคนต่างๆ แม่นยำมาก รู้ว่าตรงไหนที่หนักเกินไปแล้วก็จะใส่พาร์ทโรแมนติกกุ๊กกิ๊กทั้งน้ำตาของพระเอกนางเอกมาให้อิ๊อ๊ะสักหน่อย (จนมีหลายคนเปรียบเทียบกับหนังเรื่อง “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ” แต่ผมคิดว่าไม่ตรงเสียทีเดียวนัก) แล้วก็ตัดเข้าสู่เรื่องหลัก-เรื่องหนักต่อไปตามเดิม แกทำอย่างนี้ไปตลอดทั้งเรื่องโดยที่อารมณ์ผู้ชมไม่สะดุดเลยครับ

 

ใหม่ ดาบมังกรหยก

 

และทั้งที่มีการแอบเปลี่ยนโทนหนังจากหนังดราม่า โรแมนติก ไปสู่หนังสืบสวนอาชญากรรมในช่วงท้ายเรื่องด้วยแต่ก็ทำได้แนบเนียนมาก นี่ยังไม่นับการออกแบบมุมกล้อง การให้สี-การใช้สีในแต่ละเฟรมที่สวยงามและสะท้อนอารมณ์ของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดี และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือการกำกับนักแสดงซึ่งผมคิดว่าเป็นปัจจัยที่สามที่ทำให้ Better Days ได้รับคำชมมาก

คำตอบนั้นผมคิดว่ามันมาจากสามปัจจัยหลักได้แก่ ประเด็นที่หนังถ่ายทอดออกมา การกำกับภาพยนตร์ และการแสดงของสองนักแสดงนำอย่าง โจวตงหยู และ แจ๊คสัน ยี

เพราะการแสดงของสองนักแสดงนำอย่าง โจวตงหยู ผู้รับบทเป็น เฉินเนียน และ แจ๊คสัน ยี  ซึ่งรับบทเป็น เสี่ยวเป่ย พระเอกของเรื่องนั้นดีมากครับ ทั้งคู่มีเคมีที่เข้ากันได้ดีมาก สำหรับ โจวตงหยู ที่แบกทั้งเรื่องไว้นั้นผมคิดว่าการแสดงทางสีหน้าของเธอยอดเยี่ยมมาก โดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา และทั้งที่ก้มหน้าอยู่ด้วยซ้ำ  แต่เธอก็ถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ออกมาได้เป็นอย่างดี

สำหรับ แจ๊คสัน ยี บทของเขาออกแนวฮีโร่แบดบอยนิดๆ ซึ่งเขาก็มีเสน่ห์มากพอที่จะนำเสนอบทของ เสี่ยวเป่ย ได้อย่างลงตัว อันนี้ก็ต้องให้เครดิตกับทั้งคู่และดิเร็ก เจิ้ง ผู้กำกับภาพยนตร์

ด้วยสามปัจจัยที่กล่าวมาทำให้ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้ Better Days ได้รับคำชมและทำรายได้สูง นี่เป็นหนังดีอีกเรื่องที่ดูไปเจ็บไป (อาจร้องไห้หรือน้ำตาซึมได้ ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของท่าน) แต่ก็สุขๆ เศร้าๆ หวานอมขมกลืนกันไป เป็นหนังที่อยากให้ไปดูกันเหมือนเคยแหละครับ รีวิวหนังจีน